ปชช.สหรัฐ ผวากลัวอดตาย หลังรัฐบาลไบเดน ออกมาแถโยนบาปรัสเซีย แต่ไม่ยอมแก้ปัญหาปากท้อง!?

1122

หลังจากที่ดร.สมเกียรติ โอสถสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เล่าถึงสถานการณ์หลังจากนี้ของสหรัฐฯ ภายหลังที่เข้าไปมีบทบาทในสงครามรัสเซีย-ยูเครน

โดยระบุว่า “โจ ไบเดน” กับสถานการณ์ที่สหรัฐฯต้องเผชิญ ระบุว่า เตือนท่านไบเดนครับ อเมริกาจะขาดอาหารปลายปีนี้แน่นอน เพราะ ขาดปุ๋ย union pacific ลดการส่งปุ๋ยให้เกษตรกรอเมริกันนานแล้ว เพราะปุ๋ยขาด ปุ๋ยแพงมากเกษตรกรไม่มีเงินและเครดิตลงทุนซื้อปุ๋ย ด้วยเหตุนี้ข้าวสาลีฤดูใหม่จึงโตช้ากว่าปกติถึงสามในสี่ วัดความสูงต้นข้าวดูได้เลย

ลามไปถึงพืชเกษตรทุกชนิดของอเมริกาที่ต้องใช้ปุ๋ย ราคาข้าวโพดสูงทำลายสถิติโลกไปแล้ว จะมีผลต่อราคาอาหารสัตว์ และป็อบคอร์นระวังคนอเมริกันอด แล้วจะออกมาปล้น ระวังสองแสนแก๊ง แก๊งละยี่สิบคนให้ดี ระวังว่าจะไม่มีข้าวสาลีส่งออก ควรรีบเตือนลูกค้าประเทศต่าง ๆ ซะ ระวังจะเกิดIrish Famine ที่ทำให้ประชากรยี่สิบเปอร์เซนต์ของประเทศนั้น อพยพเข้าอเมริกา คนตายหลายล้าน ประชาธิปไตยเกิดจากนาข้าว และข้าวโพดที่ชอุ่ม

เมียของจอร์ช วอชิงตันกล่าวไว้ อย่าไปห่วงทุ่งข้าว ไร่นาของยูเครนเลย รีบดูของตัวเองเลย เตรียมส่ง Irish American กลับไปอยู่ที่ Limmeric ด้วย จะได้มีข้าวกิน ปีนี้มันฝรั่งยังพอโอเคมั้ง ยังไม่ได้ดู มันฝรั่งต้องใส่ปุ๋ยไหมหว่า เตือนในฐานะ friend of america

ล่าสุดดูเหมือนว่า คำเตือนดังกล่าว จะเริ่มเป็นจริงมากขึ้น เมื่อนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐได้ออกมาเปิดเผยว่า สงครามของรัสเซียในยูเครนคือสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารโลก ซึ่งย่ำแย่อยู่แล้ว ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่ภาวะตื่นตระหนกด้านราคาและอุปทานเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อโลก


ประชาชนกว่า 800 ล้านคนหรือ 10% ของประชากรโลก ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากจากปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารแบบเรื้อรังอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามในยูเครน และการประมาณได้การแสดงให้เห็นว่า เฉพาะการปรับตัวขึ้นของราคาอาหารมีแนวโน้มผลักดันให้ประชาชนอย่างน้อย 10 ล้านคนตกอยู่ภายใต้ภาวะยากไร้

ประเทศต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการออกคำสั่งห้ามส่งออก ซึ่งสามารถทำให้ราคาสินค้าแพงยิ่งขึ้น ขณะที่เพิ่มการสนับสนุนประชนชนกลุ่มเปราะบางและเกษตรกรรายย่อย ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของนายคริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีคลังของเยอรมนี “ดิฉันต้องการชี้แจงให้ชัดแจ้ง การกระทำของรัสเซียเป็นต้นเหตุของปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารโลก” นางเยลเลนกล่าว พร้อมเสริมว่าสหรัฐกำลังทำงานอย่างเร่งด่วนร่วมกับหุ้นส่วนและพันธมิตรเพื่อ “ช่วยบรรเทาผลกระทบจากสงครามที่ไม่ยั้งคิดของรัสเซียที่มีต่อภาคส่วนที่อ่อนแอที่สุดของโลก”


พร้อมทิ้งท้ายว่า สหรัฐฯมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการแบบกำหนดเป้าหมายและสอดประสานกัน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่เรียกร้องให้ทุกประเทศ “เปิดตลาดกสิกรรมต่อไป โดยละเว้นการกักตุนสินค้า และไม่ออกมาตรการจำกัดการส่งออกอย่างไม่เหมาะสมต่อผลิตภัณฑ์ภาคเกษตรกรรมและอาหาร”

โดยประเด็นนี้ทำให้หลายฝ่ายมองว่า สหรัฐฯเลือกที่จะโทษรัสเซีย มากกว่าจะแก้ปัญหาช่วยเหลือประชากรของตนเอง และยิ่งผู้นำเข้าไปวุ่นกับสงครามนอกบ้านมากขึ้น และถลำลึกยั่วปูตินมากเท่าไหร่ หายนะจะยิ่งคืบคลานกลับมาที่ประชากรชาวมะกันมากเท่านั้น ทำให้ยิ่งตอกย้ำว่า มีความเป็นไปได้ จากการส่งสัญญาณหลายอย่างของรัฐบาลไบเดน ว่าสหรัฐฯกำลังจะต้องเผชิญศึกหนัก ในเรื่องการขาดแคลนอาหาร และผู้คนจะยิ่งอดอยากมากขึ้นอย่างแน่นอน