รัสเซียตอกหน้าEU! ปูตินกร้าวไม่สนต.ต.ตัดแก๊ซหรือไม่ มุ่งสู่ตะวันออกเพื่อนรอเพียบ ประกาศยึดมาริอูโปลแล้ว

1098

ปูตินบอกยุโรปชัดเจนว่า ต่อให้คุณยังต้องการก๊าซจากรัสเซีย แต่เรากำลังจะมุ่งไปทางตะวันออกที่พันธมิตรของเรากำลังรออยู่ สั่งทีมงานเร่งสร้างท่อส่งน้ำมันและก๊าซใหม่ กระจายการขายพลังงานสู่เอเชียเต็มพิกัด  ขณะเดียวกันฝ่ายกองทัพได้ประกาศยึดเมืองมาริอูโปลได้โดยสมบูรณ์แล้ว เรียกว่าประสบความสำเร็จมีความคืบหน้าทั้งแนวรบทางทหารในพื้นที่ และการขับเคี่ยวทางเศรษฐกิจก็ไม่เป็นรองฝ่ายสหรัฐและตะวันตกแต่อย่างใด สภาพการณ์ปัจจุบันคือ ไบเดนผู้นำสหรัฐกำลังตีอกชกหัวตัวเองว่า ปัญหาต่างๆที่สหรัฐกำลังเผชิญอยู่นี้เป็นเพราะ ‘ปูติน’ คนเดียว อย่างน่าสมเพช ส่วนยุโรปก็หัวปั่นวุ่นแก้ปัญหาในประเทศทั้งเศรษฐกิจการเมืองหัวปักหัวปำ เป็นภาพที่สะท้อนชัดว่าใครกันแน่จะเป็นฝ่ายมีชัยในศึกเปลี่ยนระเบียบโลกใหม่ครั้งนี้!?

วันที่ 16 เม.ย.65 สำนักข่าวรอยเตอร์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่ากองทัพรัสเซียได้บุกยึดเมือง Mariupol ซึ่งเป็นเมืองท่าของยูเครน ชายฝั่งทะเลอะซอฟ (Azov) และขับไล่ทหารยูเครนออกจากเขตเมืองได้ทั้งหมดแล้ว 

ยังเหลือเพียงบริเวณโรงงานเหล็กกล้าอะซอฟทัล (Azovstal) ที่มีทหารยูเครนอยู่ นอกจากนี้ ยังระบุว่าทหารยูเครนในเมืองมาริอูโปล (Mariupol) ได้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 นาย และยอมมอบตัว 1,464 ราย ทั้งนี้ ยูเครนยังไม่ได้ยืนยันคำกล่าวอ้างของรัสเซีย โดยประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า สถานการณ์ในเมือง Mariupol อยู่ในสภาวะยากลำบากและกำลังเผชิญวิกฤตเนื่องจากโดนปิดล้อมเส้นทางเข้าสู่เมือง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 เม.ย.2565 เรื่องสำคัญที่สื่อตะวันตกฮือฮามาก เมื่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่ามอสโกว์จะทำงานเพื่อเปลี่ยนเส้นทางการส่งออกพลังงานไปทางตะวันออกมากขึ้น เนื่องจากยุโรปพยายามลดการพึ่งพารัสเซียอย่างเอาจริงเอาจัง และเสริมว่าข้อเท็จจริงแล้วประเทศในยุโรปรู้ตัวว่าจะไม่สามารถทิ้งก๊าซรัสเซียได้ในทันที

รัสเซียจัดหาก๊าซธรรมชาติให้สหภาพยุโรปประมาณ 40% และมาตรการคว่ำบาตรจากตะวันตกต่อสิ่งที่มอสโกว์เรียกว่า “ปฏิบัติพิเศษทางการทหารในยูเครน”ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกพลังงานโดยทำให้การจัดหาเงินทุนและการขนส่งของข้อตกลงที่มีอยู่มีความซับซ้อนมากขึ้น ก่อความยากลำบากไม่เพียงแต่รัสเซียยุโรปเองก็อ่วมเพราะเลือกทำตามวาระวอชิงตัน

ในขณะที่สหภาพยุโรปกำลังถกเถียงกันว่าควรคว่ำบาตรก๊าซและน้ำมันของรัสเซียหรือไม่ และรัฐสมาชิกแสวงหาเสบียงจากที่อื่น เครมลินได้สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีน-อินเดีย ผู้บริโภคพลังงานชั้นนำของโลก และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

ปธน.ปูตินกล่าวในการประชุมด้านความมั่นคงทางโทรทัศน์ว่า “ประเทศที่ไม่เป็นมิตรยอมรับกับตัวเองว่า พวกเขาจะไม่สามารถทำได้หากไม่มีแหล่งพลังงานของรัสเซีย รวมถึงไม่มีก๊าซธรรมชาติเป็นต้น และขณะนี้ยังไม่มีการแทนที่ที่สมเหตุสมผล แทนก๊าซรัสเซียในยุโรปแต่งอย่างใด”

ผู้นำรัสเซียกล่าวย้ำอีกว่า การที่ยุโรปพูดถึงการปิดแหล่งพลังงานจากรัสเซีย กำลังผลักดันราคาให้สูงขึ้น และทำให้ตลาดมีเสถียรภาพเมื่อความต้องการมีมากแต่ถูกจำกัดด้วยการกีดกันพลังงานของรัสเซีย

ปูตินกล่าวว่ารัสเซียซึ่งมีการผลิตน้ำมันประมาณ1 ใน 10 ของโลก และประมาณ 1 ใน 5 ของก๊าซธรรมชาติ จะต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อเพิ่มปริมาณพลังงานให้กับฝั่งเอเชีย

เขาสั่งให้ทีมงานของรัฐบาลนำเสนอแผนภายในวันที่ 1 มิถุนายน ปีนี้ ซึ่งรวมถึง “การขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งไปยังประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา และ เอเชียแปซิฟิก”

นอกจากนี้ เขายังกำชับให้เสนอแผนรูปธรรมที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเชื่อมโยงท่อส่ง 2 แห่ง ได้แก่พาวเวอร์ ออฟ ไซบีเรีย (Power of Siberia) ที่ผูกติดกับมองโกลและจีน และท่อซาคาลิน คาบารอฟ วลาดิวอสต็อค(Sakhalin-Khabarovsk-Vladivostok ) ทางตะวันออกไกลในระบบจ่ายก๊าซแบบครบวงจรของรัสเซีย

รัสเซียเปิดตัวท่อส่งก๊าซไปยังประเทศจีนในปลายปี 2019 และในเดือนกุมภาพันธ์ได้ตกลงในสัญญา 30 ปีผ่านท่อส่งใหม่ที่กำลังก่อสร้าง โดยมีแผนที่จะชำระการซื้อขายในสกุลเงินหยวนและยูโร

นายปูตินยังกล่าวด้วยว่า บทบาทของสกุลเงินประจำชาติในข้อตกลงการส่งออกควรเพิ่มขึ้น ท่ามกลางแผนการของรัสเซียที่จะเปลี่ยนไปใช้เงินรูเบิลในการชำระเงินสำหรับการจัดหาก๊าซ ซึ่งส่วนใหญ่ไปยังยุโรป ส่วนทางตะวันออกสำหรับประเทศที่เป็นมิตรนั้นใช้เงินสกุลท้องถิ่น

สถานการณ์วิกฤตสงครามยูเครนได้ขยายวงสู่การต่อสู้ดิ้นรน เพื่อปลดแอกจากการครอบงำของสหรัฐและตะวันตก มหาอำนาจเก่าอย่างชัดเจน และการที่โลกถูกแบ่งขั้ว ก็เปิดเผยตัวตนแบ่งฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างสหรัฐและพันธมิตรบริวาร กับรัสเซียและพันธมิตรตะวันออก  เวลานี้สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกแสดงท่าทีชัดเจนว่า จะไม่ยอมให้ผู้ท้าทายจัดระเบียบโลกใหม่ เพราะต่างเสียดายผลประโยชน์ที่เคยเสพสุขบนความทุกข์ของประเทศต่างๆในภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก  สัญญาณการรบแตกหักในระดับสงครามโลกจึงยิ่งใกล้ความเป็นไปได้  เพราะปัจจัยชี้ขาดอยู่ที่สหรัฐฯไม่ใช่รัสเซีย!?