จากกรณีที่รอยเตอร์รายงานว่า ทางการรัสเซียประกาศจะไม่พึ่งพาตะวันตกอีกต่อไป หลังจากที่สหรัฐฯ และพันธมิตรบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อปูตินเพื่อลงโทษปูตินที่มีคำสั่งรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ในสิ่งที่ปูตินเรียกว่า “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ในยูเครน ปูตินกล่าวว่า “การคว่ำบาตรครอบคลุมทั้งหมด การโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์ “เราไม่ได้ตั้งใจที่จะถูกโดดเดี่ยว” ปูตินกล่าว “เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกใครก็ตามในโลกสมัยใหม่ออกไปอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่กว้างใหญ่อย่างรัสเซีย”
ความสำเร็จด้านอวกาศในสงครามเย็นของรัสเซีย เช่น การมุ่งสู่อวกาศของกาการินและการเปิดตัวสปุตนิก 1 ปี 2500 ซึ่งเป็นดาวเทียมประดิษฐ์ดวงแรกจากโลก ล้วนมีความเกี่ยวข้องเฉพาะสำหรับรัสเซีย เหตุการณ์ทั้งสองทำให้สหรัฐฯ ตกตะลึง การเปิดตัวสปุตนิก 1 กระตุ้นให้สหรัฐฯ สร้างองค์การ NASA เพื่อไล่ตาม
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยังกล่าวย้ำถึงการยกทัพบุกยูเครน ว่าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องรัสเซีย และการปะทะกับกองกำลังต่อต้านรัสเซียในยูเครน เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป้าหมายครั้งนี้ชัดเจนแจ่มแจ้งและมีเกียรติ”
เป้าหมายหลักในการแทรกแซงทางทหารเข้าไปในยูเครน เพื่อปกป้องประชาชนในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียสนับสนุน ต่อสู้กับทหารยูเครนมาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว อีกด้านหนึ่งเรากำลังช่วยและปกป้องชีวิตประชาชน และอีกด้านหนึ่งเราก็รักษาความมั่นคงของรัสเซียด้วย นั่นยัดเจน เราไม่มีทางเลือกอื่น นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
อย่างไรก็ตามเอเอฟพี รายงานสถานการณ์ของ 2 ประเทศที่อยู่ในสัปดาห์ที่ 7 ว่ากระทรวงกลาโหมยูเครนประเมินว่า จะมีการปะทะใหญ่เร็ว ๆ นี้ในพื้นที่ฝั่งตะวันออก และมีแนวโน้มว่ารัสเซียจะเข้ายึดเมืองมาริอูปอล ทางภาคใต้ เพื่อใช้เป็นเส้นทางรุกเข้าไปยังภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออก “ดูเหมือนว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ศัตรูจะเข้าควบคุมเมืองมาริอูปอล ยึดเมืองปอปาสนา และตรงเข้าเมืองคูรอโคฟ เพื่อจะเข้าถึงพรมแดนแคว้นโดเนสตก์” กองบัญชาการเสนาธิการทหารยูเครนแถลง แต่ระบุว่า กองทัพยูเครนยังคงปกป้องมาริอูปอลสุดกำลัง
