วันที่ 9 เม.ย.2565 สำนักข่าวสปุ๊ตนิครายงานว่า พลเอก มิคาอีล มิซินเซฟ (Mikhail Mizintsev) ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการการป้องกันประเทศรัสเซีย แถลงว่า กองทหารหัวรุนแรงยูเครนได้เตรียมการยั่วยุด้วยการขุดคลังสารเคมีที่โรงงานแห่งหนึ่งในเมืองแอฟดีฟคา(Avdeevka) และวางแผนที่จะระเบิดมันเมื่อเข้าใกล้การต่อสู้กับกองกำลังของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ (DPR)
รัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษโดยมีเป้าหมายเพื่อยุติอาชญากรรมสงครามที่กองทหารยูเครนก่อขึ้นต่อพลเรือนในระหว่างการรุกรานดอนบาสส์เป็นเวลา8ปี กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานทางทหารของยูเครนเท่านั้น แต่ภายหลังได้กล่าวหากองกำลังยูเครนว่าใช้วิธีก่อการร้ายแบบทั่วไปเช่น การซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังพลเรือน และการวางตำแหน่งระบบอาวุธในพื้นที่พลเรือน สาสุดยืนยันว่ามีการเตรียมการใช้อาวุธเคมีโดยปล่อยข่าวว่ารัสเซียจะเป็นผู้เปิดฉาก
NATO เปิดฉากโจมตีรัสเซียตามสหรัฐ โดย เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีในสงครามยูเครน และการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นอาชญากรรมสงคราม โดยสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เยอรมันเวลท์แอมซอนแทค(Welt am Sonntag)
เขากล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้ยินคำกล่าวอ้างที่ไร้สาระเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพของสหรัฐฯในยูเครน รัสเซียกำลังประดิษฐ์ข้ออ้างเท็จเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ยูเครนใช้อาวุธเคมีจริง”
สโตลเทนเบิร์กกล่าวว่า “ตอนนี้ที่มีการกล่าวอ้างเท็จเหล่านี้แล้ว เราต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพราะเป็นไปได้ว่ารัสเซียเองก็สามารถวางแผนปฏิบัติการอาวุธเคมีภายใต้การหลอกลวงนี้ได้ และนั่นจะเป็นอาชญากรรมสงครามเต็มรูปแบบ”
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯตอบโต้ข่าวซุกห้องวิจัยอาวุธชีวภาพในยูเครน โดยออกแถลงการณ์เตือนประชาคมโลกจับตารัสเซียใกล้ชิด ชี้อาจใช้อาวุธเคมีในยูเครน หลังเคยใช้มาแล้วในสงครามซีเรียและก่อนหน้านี้อีกหลายครั้ง ทั้งๆที่สหรัฐเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีมาโดยตลอด ทั้งในสงครามอินโดจีน และที่ซีเรีย
ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เจน ซากี(Jen Psaki) โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า สหรัฐฯได้จัดอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีให้กับรัฐบาลยูเครน เพื่อเป็นการป้องกันภัยคุกคามจากรัสเซีย และประเทศอื่นๆ เพราะรัสเซียอาจใช้อาวุธดังกล่าว และอาจกำลังวางแผนปฏิบัติการ “ติดธงเท็จ” เพื่อปูพื้นฐานสำหรับการโจมตี
สัญญาณร้ายแบบนี้ นอกจากสร้างภาพอาชญากรรมสงครามป้ายสีรัสเซีย ขณะที่กระจายข่าวว่ารัสเซียกำลังพ่ายแพ้ สวนทางความจริงที่รัสเซียชนะในพื้นที่สู้รบแล้ว โอกาสจะเกิดโศกนาฎกรรมทำลายชีวิตประชาชนด้วยอาวุธเคมีก็อาจเกิดขึ้นได้ ต้องติดตามต่อไปว่ารัสเซียจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร และปฏิบัติการทางทหารระลอกสองจะจบลงในพื้นที่ไหน สงครามข่าวสารดุเดือดยิ่งกว่าการสู้รบทางทหารที่ไม่มีใครรู้จริงอย่างจะแจ้ง ที่แน่ๆว่า การเจรจาสันติภาพที่ทุกฝ่ายคาดหวังมีแนวโน้มว่าจะไม่สำเร็จในระยะเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน !!!??