รัสเซียเปิดเอกสารข้อตกลงใหม่จากยูเครน ยิ่งตอกย้ำ “เซเลนสกี” ยังไม่ต้องการจบปมเดือด อยากเดินตามเกมคนหนุนหลัง?

1250

สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการเจรจารอบล่าสุดของรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกีนั้น โดยรัสเซียตกลงที่จะลดปฏิบัติการทางทหารอย่างมีนัยสำคัญ ในกรุงเคียฟและตอนเหนือของยูเครน และทางยูเครนเองจะยอมรับสถานะเป็นกลาง พร้อมหาทางถอยออกจากกลุ่มนาโต

แม้ว่าการเจรจาจะดูเหมือนดำเนินไปด้วยดี แต่การแซงชั่นที่ชาติตะวันตก สหรัฐฯและกลุ่มอียู พยายามจะจัดการรัสเซีย ดูเหมือนว่ากำลังจะทวีคูณผลร้ายกลับไปที่ประเทศของตนเองอย่างหนักในช่วงนี้ จากเดิมที่ทั่วโลกและนักวิชาการไทยและเทศ ได้คาดการณ์ว่า ปมเดือด 2 ประเทศจะจบลงได้ในเดือนพ.ค. นี้ และจะไม่บานปลายในแง่ความรุนแรงนั้น

ล่าสุดทางด้านนายเซอร์เก้ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ได้ออกมาแถลงการณ์เปิดเผยว่า ทางการได้รับเอกสารเกี่ยวกับข้อตกลงฉบับใหม่จากยูเครนเมื่อวันพุธที่ 6 เม.ย. 2565 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขความขัดแย้งด้านความมั่นคงกับรัสเซีย และพบว่าเอกสารนี้มีการเบี่ยงเบนสาระสำคัญไปจากครั้งที่พูดคุยกันล่าสุดที่ตุรกี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ลาฟรอฟให้รายละเอียดว่า ในข้อตกลงที่ถูกส่งมาใหม่นี้ ได้กล่าวถึงการค้ำประกันความมั่นคงที่ยูเครนต้องการได้รับจากมหาอำนาจชั้นนำของโลก ซึ่งจะต้องไม่ครอบคลุมไครเมีย โดยแทนที่จะยกเว้นไครเมียอย่างชัดเจนจากข้อตกลงด้านความปลอดภัยที่เสนอ เอกสารใหม่กลับมี “ถ้อยคำที่คลุมเครือเกี่ยวกับการควบคุม” ลาฟรอฟให้ความเห็นว่า ยูเครนต้องการให้ประเด็นนี้ไปอยู่ในการหารือของระดับประธานาธิบดีของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งลาฟรอฟได้เน้นย้ำว่า สถานะของแหลมไครเมียไม่ได้มีไว้สำหรับการสนทนาแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ลาฟรอฟยังกล่าวถึงข้อน่าสงสัยอีกประเด็นว่า ข้อตกลงเดิมได้กล่าวถึงการซ้อมรบของยูเครน ที่หากจะมีการซ้อมรบ ก็จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก “ทุกประเทศ” ที่ค้ำประกันซึ่งมีรัสเซียรวมอยู่ด้วย แต่กับเอกสารใหม่นี้ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ผู้ค้ำประกัน “ส่วนใหญ่” และไม่ได้กล่าวถึงรัสเซียแต่อย่างใด

สรุปว่า เอกสารฉบับใหม่นี้ แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของยูเครนที่ต้องการขัดขวางและบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพ และแสดงให้เห็นว่า ระบอบการปกครองของยูเครน ถูกควบคุมด้วยสหรัฐและเหล่าพันธมิตร ซึ่งต้องการผลักดันให้ยูเครนทำสงครามต่อไป อย่างไรก็ดี ลาฟรอฟยืนยันว่า รัสเซียจะยังคงไม่หยุดการเดินหน้าเจรจาเพื่อสันติภาพกับยูเครน