Truthforyou

ปูตินฟาดต.ต.!!ยึดทรัพย์รัสเซีย ผิดก.ม.ระวังย้อนเข้าตัว หลังเยอรมนีดิ้นพล่าน ยึดบ.ก๊าซพรอมได้แต่ท่อไม่มีก๊าซ

สงครามยูเครนยังไม่ยุติ การเจรจาเพื่อสงบศึกยังไม่มีข้อสรุป แต่สหรัฐและตะวันตกยังไม่หยุดโหมกระพือความขัดแย้งกับรัสเซียให้ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ล่าสุดสหรัฐและพันธมิตรยุโรปหลักๆอย่างอังกฤษ เยอรมันและฝรั่งเศสประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซียเน้นไปที่พลังงาน ถ่านหิน และการค้าพาณิชย์ สะท้อนว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ขยายวงเป็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับสหรัฐและพันธมิตรยุโรปอย่างชัดเจนแล้ว และดูเหมือนว่าจะหนักหน่วงรุนแรงไม่มีลดลงแต่อย่างใด ตอนนี้ถึงกับยึดทรัพย์บริษัทรัสเซียในประเทศของตนเข้าเป็นของรัฐเอาดื้อๆ อ้างแก้ปัญหาความมั่นคงพลังงานของประเทศแบบไร้ยางอาย

วันที่ 5 เม.ย.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ตอบโต้พฤติกรรมตะวันตก ที่กำลังยึดกิจการรัสเซียในต่างประเทศให้เป็นของรัฐว่า ระวังเป็นดาบสองคมย้อนกลับเข้าหาตัวเอง ในระหว่างการประชุมของรัฐบาลเพื่อตอบโต้ ประเทศตะวันตกบางประเทศที่เสนอให้ยึดทรัพย์สินของรัสเซียในต่างประเทศ

“เราได้ยินประกาศจากเจ้าหน้าที่บางคนเกี่ยวกับการทำให้ทรัพย์สินบางส่วนของเราเป็นตกเป็นของพวกเขา อย่าให้ใครลืมว่านี่เป็นอาวุธสองคมที่จะย้อนกลับพวกเขาเอง”

ปูตินตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์ในแวดวงพลังงานโลกแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญอันเป็นผลมาจาก”มาตรการคว่ำบาตรที่หยาบคายและไม่รับผิดชอบกลไกตลาด” ที่กระทำโดยสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก รวมถึงการกดดัน Gazprom ยักษ์ใหญ่ด้านก๊าซของรัสเซีย ปูตินกล่าวว่า “ชาติต่างๆ ในยุโรปพยายามที่จะเปลี่ยนความผิดพลาดของตนเองในด้านเศรษฐกิจและพลังงานไปให้รัสเซีย” 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 มี.ค.2565 ประธานาธิบดีได้ลงนามในกฎหมายที่กำหนดให้ประเทศที่เคยคว่ำบาตรมอสโกว์จ่ายค่าน้ำมันและก๊าซด้วยรูเบิล เครมลินเตือนว่าการปฏิเสธที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งนี้ จะหมายถึงการสิ้นสุดของพลังงาน ซึ่งตั้งข้อสังเกตไว้ในขณะนั้นว่าจะไม่แจก”ฟรี”  มอสโกว์ยืนยันว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินประจำชาติ เนื่องจากเงินดอลลาร์และยูโรอาจถูกยึดไปตามมาตรการคว่ำบาตร

ผู้นำรัสเซียยังเตือนว่า  มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่มีต่อรัฐบาลมอสโกว์ จะทำให้โลกเผชิญกับความเสี่ยงของการขาดแคลนอาหารและปุ๋ย ซึ่งรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในโลก

ต่อมาเมื่อวันอังคารที่ 5 เม.ย.2565  เยอรมนีประกาศว่าได้เข้าควบคุมกิจการสาขาในท้องถิ่นของ บริษัทก๊าซพรอม(Gazprom) ของรัสเซีย โดยกล่าวว่า “มีความจำเป็นเร่งด่วน” ในขณะที่ รัฐบาลสหราชอาณาจักรกำลังวางแผนที่จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกของบริษัทรัสเซียตกเป็นของรัฐ

โรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี(Economy Minister Robert Habeck)เปิดเผยว่า บริษัทในเครือในเยอรมนีของบริษัทก๊าซพรอม ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซียนั้น จะเข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจของหน่วยงานเครือข่ายของรัฐบาลกลางเยอรมนี

รายงานระบุว่า การตัดสินใจของเยอรมนีมีขึ้น 3 วัน หลังจากก๊าซพรอมประกาศว่า บริษัทจะถอนการดำเนินงานออกจากเยอรมนี ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากรัสเซียบังคับใช้สกุลเงินรูเบิลในการชำระค่าก๊าซ

นายฮาเบ็คแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่ง พร้อมเสริมว่า ก๊าซพรอม เจอร์เมเนีย (Gazprom Germania) ดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเยอรมนี ดังนั้น จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับอุปทานก๊าซ รัฐบาลกำลังทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อรับประกันเสถียรภาพของอุปทานก๊าซในเยอรมนี ทั้งนี้ เขาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ทางกฎหมายที่ไม่ชัดเจนของบริษัทหลังรัสเซียตัดสินใจหยุดการดำเนินงาน และกว่าวว่าเป็นการละเมิดข้อกำหนดการรายงานของกฎหมายการค้าต่างประเทศของรัสเซีย แต่ที่รัฐบาลเยอรมนียึดกิจการของรัสเซียกลับไม่กังวลว่าจะผิดกฎหมายการค้าต่างประเทศ ทั้งที่รัสเซียเคยเตือนแล้วว่าจะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

นายฮาแบ็กระบุว่า ก๊าซพรอม เจอร์มาเนียจะอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานเครือข่ายแห่งชาติที่ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านพลังงานไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน แต่ไม่ได้ระบุว่ามีแผนจะดำเนินการต่อไปอย่างไรหลังจากนั้น

ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากวันที่ 30 กันยายน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทในเครือของ Gazprom Germania ตั้งแต่สหราชอาณาจักรไปจนถึงสิงคโปร์ หน่วยในเยอรมันยังเป็นเจ้าของกิจการค้าในลอนดอนและ Gazprom Energy ซึ่งเป็นผู้ให้บริการค้าปลีกที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรวางแผนที่จะยึดให้เป็นของรัฐ

ก๊าซพรอมที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียประกาศเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า จะยุติบทบาทในก๊าซพรอม เจอร์มาเนียด้วยการขายทรัพย์สินทั้งหมดในสาขานี้ ขณะที่โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงในวันเดียวกันว่า การที่รัฐบาลเยอรมนียึดกิจการของบริษัทรัสเซียจะถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายสากลอย่างร้ายแรง และเป็นสิ่งที่ประเทศไหนก็ไม่สามารถยอมรับได้

เอาแล้วไง ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ว่า สหรัฐและตะวันตกไม่สนใจกฎเกณฑ์มารยาทหรือกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว  ในขณะที่เรียกร้องใช้กฎหมายจัดการรัสเซียแต่ฝ่ายตะวันตกแหกกฎทุกกฎได้อย่างไม่ละอายใจ  ต้องติดตามต่อไปว่าการยึดบริษัท ยึดสถานที่ไปแล้ว แต่รัสเซียไม่เปิดท่อส่งก๊าซให้จะเกิดอะไรขึ้นตามมาท่ามกลางการประท้วงของประชาชนในยุโรปหลายประเทศต่อรัฐบาลที่ทำให้เดือดร้อนราคาพลังงานและอาหารพุ่งสูงเพราะคว่ำบาตรรัสเซีย ความอลหม่านเหล่านี้เป็นสภาพมิคสัญญีที่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ ??

Exit mobile version