Truthforyou

แตกหัก!!รัสเซียโต้กลับสหรัฐ-ยูเครน ใช้มุกเก่าใส่ร้าย ชี้ข้อมูลสังหารหมู่เมืองบูชามีพิรุธ รู้ทันเตรียมต้านศึกนาโต

ในขณะที่กระแสข่าวการเจรจาสงบศึกยูเครนดูเหมือนจะมีความหวัง ก็เกิดข่าวช็อกโลก เมื่อสื่อตะวันตกแพร่ข่าว ‘สังหารหมู่’เมืองบูชา โดยสหรัฐและยูเครน ออกมาประณามรัสเซียทันทีว่าเป็นผู้กระทำ  ด้านมอสโกว์โต้แหลกระบุแผนมะกันป้ายสีมุ่งขวางเจรจาสันติภาพ เรื่องนี้ยุโรปรับลูกอย่างไว เตรียมออกมาตรการแซงก์ชันล็อตใหม่ที่ครอบคลุมน้ำมันและก๊าซ  ขณะที่มอสโกว์เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงประชุมด่วนเรื่องนี้ แต่ถูกสหราชอาณาจักรที่เป็นประธานยับยั้งไม่เปิดประชุม มอสโกว์ยืนยันเป็นฝีมือฝ่ายหัวรุนแรงในยูเครนและแผนการป้ายสีของวอชิงตันกับนาโต้ เพราะเหตุเกิดหลังรัสเซียถอนกำลังออกออกมาแล้ว 4 วัน  ขณะเดียวกันเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่า ฝ่ายสหรัฐและพันธมิตรไม่ต้องการสงบศึกจริงและเตรียมก่อการใหญ่ เหมือนครั้งที่ทำกับอิรัก ลิเบียและซีเรีย คือกุเรื่องใส่ร้ายสร้างความชอบธรรมก่อนก่อสงครามใหญ่รวมแก๊งถล่มฝ่ายตรงข้ามในนามผู้ปกป้องความยุติธรรม

วันที่ 4 เม.ย.2565 สำนักข่าวรอยเตอร์และสื่อตะวันตกอีกหลายฉบับได้รายงานอย่างพร้อมเพรียงว่า พบศพประชาชนจำนวนมากทิ้งเกลื่อนเมืองบูชา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเมืองบูชา ของยูเครนให้สัมภาษณ์ว่า ต้องขุดหลุมศพขนาดใหญ่เพื่อฝังหมู่ร่างผู้เสียชีวิตที่กองเกลื่อนกลาดบนถนน อ้างว่าทหารรัสเซียไม่ยอมให้ประชาชนนำศพไปฝัง

ผู้นำตะวันตก องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ต่างออกคำแถลงกันอย่รางรวดเร็วเพื่อประณามมอสโกว์ทันที  หลังมีภาพและรายงานข่าวพลเรือนจำนวนมากถูกฆ่าตายในเมืองบูชา ซึ่งอยู่นอกกรุงเคียฟออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ

ผู้นำยูเครนบอกว่า ได้ตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อสอบสวนการสังหารพลเรือนในพื้นที่รอบๆ เคียฟ ที่กองทัพรัสเซียเพิ่งถอนออกไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยประกาศว่าเพื่อปรับกำลังพลมุ่งรวมศูนย์เน้นโจมตีดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน

แม้ขณะฝ่ายยูเครนระบุว่ายังอยู่ระหว่างการรวบรวมจำนวนพลเรือนที่ถูกสังหาร แต่ ไอรีนา เวเนดิกโตวา อัยการใหญ่ยูเครนก็ออกมาแถลงว่า พบร่างพลเรือนที่เสียชีวิตแล้ว 410 คน ขณะที่อนาโตลี เฟโดรุก นายกเทศมนตรีเมืองบูชา กล่าวว่า มีร่างผู้เสียชีวิต 280 ศพในหลุมขนาดใหญ่เนื่องจากไม่สามารถขนไปฝังในสุสานที่เป็นบริเวณที่มีการสู้รบได้

ด้านสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา สำทับว่า ภาพเหตุการณ์ในบูชา “น่าตกใจมาก” ส่วนแอนโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็นเรียกร้องให้ตั้งหน่วยงานอิสระสอบสวนเรื่องนี้ และแน่นอน ปธน.โจ ไบเดนรีบออกมาฟันธงต้องลงโทษปธน.ปูตินฐานอาชญากรสงคราม 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้หวนนึกถึงสถานการณ์ก่อนการสังหารผู้นำอิรัก ลิเบีย ผู้นำตะวันออกกลางที่บังอาจแข็งข้อต่อเปโตรดอลลาร์ ในอดีต 

ด้านรัสเซียออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง  มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของรัฐบาล ไม่มีพลเรือนในบูชาแม้แต่คนเดียวที่เป็นเหยื่อความรุนแรงของฝ่ายรัสเซีย พร้อมกล่าวหาว่า คลิปพลเรือนเสียชีวิตในเมืองดังกล่าวเป็นความพยายามยั่วยุของอเมริกาและนาโต้ 

ซาคาโรวากล่าวว่า“ใครกันที่ถนัดเรื่องยั่วยุแบบนี้? แน่นอนว่าก็คือสหรัฐอเมริกาและนาโต้”  พร้อมกับชี้ว่า การที่ชาติตะวันตกรีบออกมาตีโพยตีพายประณามรัสเซียทันทีที่ภาพศพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ บ่งบอกให้เห็นว่านี่คือส่วนหนึ่งของแผนการบ่อนทำลายชื่อเสียงรัสเซีย

“ในกรณีนี้ดิฉันคิดว่า การที่พวกเขารีบออกมาแถลงตั้งแต่นาทีแรกๆ ที่ภาพและคลิปถูกปล่อย ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นผู้สั่ง”

เธอบอกด้วยว่าสหรัฐฯและฝ่ายตะวันตกยังมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางการเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกว์กับเคียฟอย่างโจ่งแจ้ง

ขณะที่สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์อ้างถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียซึ่งระบุว่า นี่เป็นอีกหนึ่ง “การจัดฉากของรัฐบาลเคียฟ” ที่หวังต้อนรัสเซียให้จนมุม โดยความจริงแล้วทหารรัสเซียถอนกำลังออกจากเมืองบูชาตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2565 และในตอนนั้นนายกเทศมนตรีของเมืองก็ออกคลิปวิดีโอยืนยันแสดงความยินดีที่รัสเซียถอนกำลังออกไป โดยไม่ได้เอ่ยสักคำว่า “มีพลเรือนถูกยิงทิ้งนอนตายเกลื่อนถนน”

กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุด้วยว่า ภาพและคลิป “หลักฐาน” เหล่านั้นเพิ่งจะปรากฏหลังจากทหารรัสเซียถอนตัวออกไปแล้วถึง 4 วัน และเป็นช่วงที่หน่วยข่าวกรองและผู้แทนของสถานีโทรทัศน์ยูเครนเดินทางเข้าไปในเมือง

ด้าน รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงจัดประชุมในวันจันทร์ 4 ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโปงการยั่วยุอย่างชั่วร้ายของกลุ่มหัวรุนแรงยูเครนในบูชา แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของวอชิงตันบอกว่า มอสโกว์ต้องการป้ายความผิดให้คนอื่น และอังกฤษซึ่งเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงวาระปัจจุบัน ก็ปฏิเสธไม่เรียกประชุมตามที่รัสเซียเรียกร้อง แต่จะจัดประชุมในวันอังคาร แทนโดยไม่เรียกเต็มคณะแต่จะเป็นการหารือสถานการณ์ในยูเครน

ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เสนอให้เพิ่มการแซงก์ชันโดยพุ่งเป้าอุตสาหกรรมน้ำมันและถ่านหิน

นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ขานรับว่า จะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับการแซงก์ชันระลอกใหม่ในไม่กี่วันนี้ และรัฐมนตรีกลาโหมของเขาหยิบยกความเป็นไปได้ในการยุติการนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย

มาเทอุส มอราวิกกี ผู้นำโปแลนด์ เรียกร้องให้นานาชาติสอบสวนก่อนหน้านี้เรียกร้องให้สหรัฐและนาโต้ส่งทหารเพิ่มไปยังชายแดนติดรัสเซียและประกาศพร้อมติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ในแผ่นดิน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน ประกาศว่า สเปนจะทำทุกอย่างเพื่อจัดการอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ 

ในส่วนการเจรจาสันติภาพนั้นกำหนดไว้ในวันจันทร์ซึ่งจะดำเนินการผ่านระบบวิดีโอลิงก์ และวลาดิมีร์ เมดินสกี้ หัวหน้าคณะเจรจาของรัสเซียยืนยันว่า ยังเร็วเกินไปสำหรับการประชุมระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กับ เซเลนสกี้ และสำทับว่า จุดยืนของรัสเซียเกี่ยวกับไครเมียและดอนบาสยังคงเดิมในขณะที่ยูเครนยังยืนยันไม่ยอมรับ

โฆษกของรัฐบาลรัสเซียประจำทำเนียบเครมลิน คือ ดมิทรี เปสคอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ “ข้อมูลนี้ต้องถูกสอบสวนอย่างจริงจัง” 

“จากสิ่งที่เราเห็น ผู้เชี่ยวชาญของเราได้ระบุพบสัญญาณของการปลอมแปลงวิดีโอและการปลอมแปลงหลักฐานอื่นๆ”

เปสคอฟกล่าวว่าข้อเท็จจริงและลำดับเหตุการณ์ของเหตุการณ์ในเมืองบูชา ไม่สอดคล้องเหตุการณ์ในยูเครนและเรียกร้องให้ผู้นำระหว่างประเทศอย่ารีบเร่งในการตัดสิน เปสคอฟกล่าวว่า “เราปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเด็ดขาด” 

และกล่าวว่านักการทูตของรัสเซียจะเร่งดำเนินการด้วยความพยายามที่จะจัดการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐบาลมอสโกเรียกว่า “การยั่วยุของยูเครน” ในบูชา แม้ว่าความพยายามจัดการประชุมดังกล่าวครั้งแรกจะถูกขัดขวางก็ตาม และรัสเซียต้องการยกหัวข้อนี้ขึ้นสู่เวทีของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ  เพื่อพิสูจน์ความจริงให้ชัดเจน

ต้องติดตามกันต่อไปว่า รัสเซียจะปรับยุทธวิธีรบ และรับมือมาตรการที่สหรัฐและตะวันตกเปิดไพ่แล้วว่า กำลังจะใช้มุกเดิมอย่างที่ทำกับผู้นำตะวันออกกลาง มอสโกว์จะตอบโต้อย่างไร การเคลื่อนไหวล่าสุดตอนนี้รัสเซียเคลื่อนกำลังทหารเต็มอัตราศึกบริเวณชายแดนติดโปแลนด์แล้ว ขณะที่การต่อสู้ในสงครามเงินตรายิ่งเข้มข้น!!

Exit mobile version