สงครามยูเครนเป็นพลุดอกแรก ที่ปะทุสู่การปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั่วโลกอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เนื่องจากสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกได้ถล่มนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรมใส่รัสเซีย หวังขยี้ให้แหลกราญ ทำให้วันนี้การตอบโต้กลับของรัสเซียจึงหนักหน่วงรุนแรง สมน้ำสมเนื้อกับสิ่งที่ตะวันตกกระทำ
ทั้งปธน.ปูติน, อดีตประธานาธิบดี และทีมบริหารเครมลินประกาศชัดว่า รัสเซียตื่นรู้แล้วว่า ตะวันตกต้องการทำลายรัสเซียในทุกมิติ สร้างความเกลียดชังทุกอย่างที่เป็นรัสเซียไปทั่วโลก เมื่อเป็นเช่นนี้ รัสเซียจึงต้องแสวงหามิตรที่จริงใจและเห็นใจรัสเซียอย่างแท้จริง ล่าสุดประกาศวาระจัดระเบียบโลกใหม่ที่ยุติธรรมไม่ผูกขาดว่าต้องเป็น ‘Fair World Order’ เมื่อชัดเจนแล้วว่าใครบ้างที่จะเข้าร่วมวิถีใหม่นี้จึงประกาศให้ตะวันตกรู้ว่า ประเทศพันธมิตรกลุ่มบริกซ์ทั้ง 5 จะเป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
วันที่ 31 มี.ค.2565 สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานคำแถลงของ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า สหรัฐและตะวันตกประกาศสงครามไฮบริตกับรัสเซียอย่างเต็มรูปแบบ มอสโกว์จึงต้องค้นหาโอกาสในภูมิภาคอื่น
เซอร์เก เรียบคอฟ(Sergey Ryabkov) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวย้ำว่า กลุ่มประเทศ BRICS ได้แก่บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ จะเป็นหัวใจสำคัญของระเบียบโลกใหม่ ที่จะเกิดขึ้นและไม่มีสิ่งใดขัดขวางได้
เรียบคอบกล่าวเสริมว่าสประเทศ BRICS จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในโลกโดยรัสเซียและพันธมิตรกำลังทำงานเพื่อสร้างการติดต่อ ประสานงานกับประเทศอื่น ๆ ที่สนใจในความร่วมมือครั้งนี้ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง
เขาเน้นว่า “กลุ่มประเทศ BRICS มีบทบาทสำคัญในการปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศและต่อต้านนโยบายคว่ำบาตรของสหรัฐและตะวันตก “เราทราบดีว่าแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันเกี่ยวกับปัญหาที่เราเผชิญ แต่ตอนนี้เรารวมใจกันปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศ ร่วมมือกันเพื่อเอาชนะการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวโดยพลการ ทั้งผิดกฎหมาย และกลายเป็นเครื่องมือหลักของนโยบายต่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ”
เขากล่าวแสดงความคิดเห็นในการประชุมครั้งล่าสุดของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กับหวัง ยี่ มนตรีแห่งรัฐและรมว.ต่างประเทศจีนว่า “นโยบายที่มั่นคงและยาวนานของเราในการสร้างความเป็นหุ้นส่วนยั่งยืนอย่างครอบคลุมกับจีนเดินหน้าไปแล้ว และนี่เป็นเพียงอีกก้าวหนึ่ง”
ความเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีปูตินที่จะเปลี่ยนไปใช้เงินรูเบิลสำหรับสัญญาก๊าซกับประเทศที่ ‘ไม่เป็นมิตร’ นั้น เรียบคอฟกล่าวว่ารัสเซียไม่ได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญา แต่กำลังปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตน
“เราไม่ได้แก้ไขเงื่อนไขของสัญญา เรากำลังปกป้องผลประโยชน์ของเราจากสึนามิ คลื่นของการคว่ำบาตรที่ขาดความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง ซึ่งกระทบรากฐานของการค้าระหว่างประเทศและระบบระหว่างประเทศ”
เขากล่าวเสริมว่า “ข้อเท็จจริงที่ว่าประเทศในตะวันตกเลิกสัญญากับรัสเซียในหลาย ๆด้านภายในคืนเดียว สิ่งนี้เป็นเรื่องน่าละอาย ทั้งๆที่รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้มาโดยตลอด และตั้งใจที่จะดำเนินการส่งก๊าซไปยังยุโรปต่อไป อย่างไรก็ตาม ตะวันตกควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของมอสโกว์ด้วย ไม่ใช่ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ไม่สนใจรัสเซียซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง
นักการทูตผู้นี้ระบุว่า ความรู้สึกต่อต้านรัสเซียไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในยูเครน ตะวันตกเพียงแค่เกลียดรัสเซีย“…พวกเขาไม่เชื่อว่า ควรมีที่สำหรับนโยบายอิสระของรัสเซีย และจุดยืนที่เป็นอิสระของรัสเซียในเวทีการเมืองระดับโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะปกป้องอย่างถึงที่สุด”
ล่าสุดปธน.ปูติน ได้ประกาศยืนยันมาตรการจ่ายค่าก๊าซต้องเป็นเงินรูเบิล ไม่มีผ่อนปรน ขณะที่สื่อตะวันตกพยายามสร้างข่าวว่า บางประเทศสามารถจ่ายเป็นเงิยยูโรไปยังธนาคารก๊าซพรอมซึ่งจะแลกเป็นเงินรูเบิลอัตโนมัต ซึ่งไม่เป็นความจริง ปูตินประกาศชัด ประเทศที่ไม่เป็นมิตรต้องจ่ายเป็นรูเบิล หรือนำทองคำแลกเป็นรูเบิลในอัตรา 5000 รูเบิลต่อทองคำ 1 กรัมตามที่ประกาศไว้ เริ่มวันนี้ 1 เม.ย.2565 หากไม่จ่ายเป็นรูเบิลก็ตัดก๊าซอย่างเดียว