สอดแนมซ้อนสอดแนม!? เปิดลึกเบื้องหลัง “รัสเซีย” เตรียมผลักดัน “เยอรมัน” ขึ้นแท่นเป็นผู้นำยุโรป ในโลกใหม่!?
เรียกได้ว่าการเมืองในระดับโลกกำลังดุเดือด และเห็นแววชัดเจนว่าจะมีการจัดสรรค์ขั้วอำนาจใหม่ในครั้งนี้อย่างแน่นอน การวางผังระเบียบโลกอาจไม่ไกลเกินเอื้อม
โดยล่าสุดทางด้านของ เพจสาธารณะที่เกาะติด และวิเคราะห์สถานการณ์รอบโลก อย่าง World Update ได้เปิดเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจเป็นอย่างมากว่า รัสเซีย กำลังผลักดันเยอรมนีเป็นหัวหอกใหม่ยุโรป โดยมีรายละเอียดว่า
ประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซียในวัยหนุ่มนั้นเขาฝันที่จะมีอาชีพเป็นคนขับรถรับจ้าง ต่อมาความฝันจุดมุ่งหมายในชีวิตก็เปลี่ยนไปเขาเบนเข็มอยากเป็น “สายลับ” จึงมุ่งเรียนจบกฎหมาย และ “ภาษาเยอรมัน” แล้วเข้าทำงานในหน่วยสืบราชการลับ และข่าวกรอง (KGB) ของอดีตสหภาพโซเวียติ ถูกส่งไปเป็นสายลับฝังตัวอยู่ในเยอรมันตะวันออกช่วงสงครามเย็น อยู่เป็นเวลานานมาก
เขาจึงรู้และเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับเยอรมนี จนต่อมาปี 2000 ปูติน ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้นำรัสเซีย และโยกสลับขากับเพื่อนคู่หู ผลัดกันเป็นประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี ครองอำนาจรัสเซียมานานถึง 22 ปี
ในยุคของนาง อังเกลา แมร์เคิล ผู้นำหญิงเหล็กเยอรมนี ความสัมพันธ์ของรัสเซีย-เยอรมนี สดใสดั่งท้องฟ้าเป็นสีชมพู เหตุเพราะรัสเซีย “สอดแนมซ้อนสอดแนม” จนพบว่าผู้นำเยอรมนี ฝรั่งเศส นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรป ถูกสหรัฐดักฟังโทรศัพท์และแชทมานาน 4 ปีช่วงปี 2012-2015
ผู้ที่ชักใยในขณะนั้นคือ “โจ ไบเดน ขณะดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ” ภายใต้ชื่อรหัสสอดแนมว่า “ปฏิบัติการดันแฮมเมอร์” เพราะหวาดระแวงยุโรปจะไปซบรัสเซีย
รัสเซียจึงส่งซิกบอกเยอรมนี ว่าสหรัฐใช้วิธีการสอดแนมผ่าน เดนมาร์ก ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีภาคพื้นดินสำคัญหลายแห่งของระบบสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตใต้ทะเล ที่ติดต่อเชื่อมโยงกับสวีเดน นอร์เวย์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร
โดยหน่วยข่าวกรองกลาโหมของเดนมาร์ก (FE) ได้ร่วมมือกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NSA) ในการเข้าถึงระบบสายเคเบิลอินเทอร์เน็ตที่สถานีในประเทศเดนมาร์ก
สหรัฐ ยังหักหลัง ใช้ระบบสายเคเบิลของเดนมาร์กสอดแนมอุตสาหกรรมอาวุธ กลาโหมของเดนมาร์ก และยุโรประหว่างปี 2012-2015 อีกด้วย ทำให้ช่วงนั้นเดนมาร์ก , สวีเดน , นอร์เวย์ โวยสหรัฐลั่น ในเวลาไล่เลี่ยกันนาง อังเกลา แมร์เคิลผู้นำเยอรมนี และนายเอมมูเอล มาครง ฝรั่งเศส ขณะนั้นได้ออกมาแท็กทีมโวยสหรัฐ และเดนมาร์กที่ “หักหลังพันธมิตรและหุ้นส่วนยุโรป”
ต่อมาเยอรมนี ได้ขับไล่ทูตสหรัฐฯ ออกจากประเทศภายใน 24 ชม.ความเคืองแค้นสหรัฐ และบุญคุณของปูตินนี้ นำไปสู่ความร่วมมือของรัสเซีย-เยอรมนี ในการสร้างท่อส่งก๊าซ Nordstream2 โดยตรงโดยวางท่อในทะเลไม่ผ่านชาติใด
โดยมีอดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนหนึ่ง ที่ปัจจุบันเป็นประธานบริษัทพลังงานน้ำมัน และก๊าซ ที่ทำธุรกิจในรัสเซีย คอยเป็นสะพานเชื่อมสองชาตินี้ ดังนั้นฉากหน้าของเยอรมนี ที่อยู่ในกลุ่ม NATO, EU, G7 กับความสัมพันธ์กับรัสเซียจึงมีความซับซ้อนเกินกว่าโลกจะเข้าใจ
เมื่อรัสเซีย ประกาศว่านับแต่นี้ไป “ชาติที่ไม่เป็นมิตร” ต้องจ่ายค่าก๊าซให้รัสเซียเป็น “เงินรูเบิล” ไม่รับชำระเป็นดอลลาห์ ยูโร ชาติที่หลิ่วตากันไว้ก่อน คือ นายโอลัฟ ช็อลทซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ก็ “กระพริบตาคุกเข่าก่อน” ยกหูโทรศัพท์ต่อสายตรงหาปูติน ผู้นำรัสเซียก่อนวันดีเดย์ทันที
โดยเยอรมนี อ้อนวอนขอร้องจ่ายค่าก๊าซเป็น “เงินสกุลยูโร” และปูติน รัสเซีย ก็ “อนุโลมให้เยอรมันนีเป็นกรณีพิเศษ” เป็นการชั่วคราวไปก่อนช่วงปรับระบบชำระเงินตรา ที่เยอรมนีต้องไปเปิดบัญชีกับธนาคารรัสเซีย 2 บัญชีเป็นบัญชียูโร แล้วโอนจ่ายไปอีกบัญชีแปลงเป็นรูเบิล ในอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินรูเบิ้ลแข็งค่า ต้องใช้เงินยูโรจ่ายมากขึ้น เพื่อโอนต่อจากธนาคารรัสเซียให้บริษัทก๊าซปรอม รัฐวิสาหกิจของรัสเซีย
นั่นหมายความว่าต่อไปจะไม่มีชาติใดอายัดเงินของรัสเซียในต่างประเทศได้อีกแล้ว และเป็นกลยุทธ์ขั้นเทพของรัสเซีย “แบ่งแยกยุโรปเพื่อปกครอง” ที่จะไม่อนุมัติกรณีพิเศษแบบนี้กับชาติอื่น ส่งผลให้ยุโรปแตกกัน และต้องมาง้อขอซื้อก๊าซต่อจากเยอรมนี ทำให้รัสเซียดูดเงินยุโรป ผ่านเยอรมนี แปลงเป็นรูเบิลเข้ารัสเซียเป็นล่ำเป็นสัน..สอดแนมซ้อนสอดแนม แปลงเงินซ้อนแปลงเงิน..เขาคือ วลาดิเมียร์ ปูติน “ชายผู้หาญกล้าเปลี่ยนระเบียบโลกใหม่”