Truthforyou

จับตา “ปูติน” จัดระเบียบขั้วมหาอำนาจใหม่ เดินเกมสั่งสอนสหรัฐ-อียู ชาติไม่เป็นมิตร เตรียมอ่วม!

หลังจากที่มีรายงานว่า ยูเครนพร้อมหารือยอมรับสถานะเป็นกลาง ส่วนหนึ่งในข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียในวันที่ 29-30 มี.ค.นี้ โดยมีตุรกีเป็นตัวกลางคอยประสาน ทำให้ทั่วโลกต่างติดตามและจับตามองว่าการเจรจาครั้งนี้ จะราบรื่น นำไปสู่การยุติปมเดือดของทั้ง 2 ประเทศได้ แต่หลังจากนี้แน่นอนว่า กลไลขั้วอำนาจของโลก ก็ย่อมได้รับผลกระทบเช่นกัน

ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก World Update ได้รายงานระบุว่า เดิมพันหายนะ มหาอำนาจเดิม กับมหาอำนาจใหม่ใครจะได้ครองโลก หลักระเบียบโลกเก่าคือ “ครองอาหารได้ก็ครองประเทศ ครองพลังงานได้ก็ครองทวีป ครองเงินตราได้ก็ครองโลก” ที่ผ่านมาชาติตะวันตกพยายามครองทั้ง 3 ส่วน โดยใช้เงินสกุลดอลลาห์ ยูโรป ปอนด์ เยน เป็นกลไกเครื่องมือครองโลก แต่เงินตรานั้นเป็นค่าสมมุติที่พิมพ์ตัวเลขที่ต้องการใส่กระดาษ ย่อมไร้ค่าแท้จริง จึงใช้สินแร่หายาก “ทองคำ” เป็นตัวเทียบค่าเงิน เมื่อชาติใดจะพิมพ์เงินกระดาษออกมารวมมูลค่าเท่าใดแต่ละรอบ ก็จะต้องมีทองคำสำรองมูลค่าเพิ่มขึ้นเทียบเท่ามูลค่าเงินกระดาษ เพื่อให้การพิมพ์เงินตราสะท้อนฐานะที่แท้จริงของเงินสกุลนั้น


แต่แล้วสหรัฐ และพวกก็ได้ตั้งกฎระเบียบโลกขึ้นใหม่เพิ่มสำหรับพวกตนว่า “การพิมพ์เงินตราเพิ่มเข้าระบบไม่ต้องมีทองคำในมูลค่านั้น แต่ใช้เอกสารธนาคารกลางรับรองเรียกว่า Quantitative Easing (QE) แทนทองคำ” ส่งผลให้สหรัฐ และพวกพ้องทำ QE กันยกใหญ่ พิมพ์เงินกระดาษอัดเข้าไปในระบบเงินตราเป็นว่าเล่น ใช้จ่ายกันสนุกมือ ทำให้ประเทศเหล่านี้ร่ำรวยมหาศาล นำเงินที่พิมพ์นั้นแลกเปลี่ยนค่าเป็นสกุลเงินตราท้องถิ่น เช่น จากดอลลาห์ เป็นบาท ฯลฯ เข้าไปลงทุนทั่วโลกทั้งซื้อที่ดิน สินทรัพย์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม จ้างแรงงาน ลงทุนในตลาดหลักเทคโอเวอร์ซื้อกิจการธนาคาร บริษัทสื่อสาร ฯลฯ


เรียกคนพวกนี้ว่า “นักลงทุนต่างชาติ” เมื่อลงทุนในต่างแดน เช่น อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ ขุดเจาะน้ำมัน ก๊าซ โรงงานสารพัด ก็สามารถดูดเงินตราสกุลท้องถิ่นนั้นที่ “มีทองคำค้ำประกัน” แลกเปลี่ยนกลับเป็นค่าเงินสกุลตนเอง เช่น บาท เป็นดอลลาห์ ขนกลับประเทศไปแบบ “จับเสือมือเปล่า” ขาเข้ามาเอาเงินกระดาษที่พิมพ์เองตามใจชอบมาลงทุน แต่ขากลับไปขนเงินประเทศอื่นที่มีค่าแท้จริงกว่า แลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลตนเอากลับประเทศไป เป็นระเบียบโลกที่เอาเปรียบกันมาตลอด

ช่วงปี 2020 สหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ทำ QE พิมพ์เงินกระดาษโดยไม่มีทองคำค้ำประกันแม้สักกรัมเดียว อัดเงินเข้าไปในเศรษฐกิจโลกถึง 775 ล้านล้านบาท หรือ 1 ใน 3 ของ GDP โลก ส่งผลให้ประเทศเหล่านี้ร่ำรวยกว่าชาติอื่นๆ มาตลอด ในดินแดนพวกนี้จึงเงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพแพงลิ่ว จ่ายค่าจ้างสูง นั่นเพราะพิมพ์เงินใส่ในระบบเศรษฐกิจโดยไม่ต้องทำมาหากินอะไรก็รวยได้ง่าย ๆ สุขสบายไปทั้งชาติ

จากนั้นก็บังคับให้ชาติอื่นทั่วโลกมาใช้เงินตราของตนโดยเรียกว่า “เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ” ที่แต่ละชาติจะต้องขนเอาเงินทองของมีค่า ไปแลกซื้อเงินกระดาษดอลลาห์ ยูโร ปอนด์ สำรองในธนาคารกลางของตนและในชาติตะวันตก ไว้สำหรับชำระค่าพลังงานน้ำมัน ก๊าซ

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า แม้แต่ช่วงที่โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ไปปั่นหัวโปแลนด์ และพบกับ รมต.กลาโหมยูเครน ที่กรุงวอร์ซอร์ กองทัพรัสเซียก็ต้อนรับ โดยยิงขีปนาวุธใส่คลังน้ำมัน โรงงานซ่อมขีปนาวุธยูเครน และคลังอาวุธ NATO ที่ลอบขนจากโปแลนด์มาให้ที่เมืองลวิฟ จน ควันไฟ เสียงระเบิดดังกัมปนาทไปถึงโปแลนด์ ประกาศศักดาว่ารัสเซียสามารถบุกยุโรปได้ทุกเมื่อ

สร้างความหวั่นไหวให้สหรัฐ จนออกมาประกาศบ้างว่าจะ “จัดระเบียบโลกใหม่” โดยมีตนเป็นผู้นำโลก แต่คำประกาศครั้งนี้กลับไม่มีใครกลัวเหมือนช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียแล้ว เพราะอาวุธของฝ่ายมหาอำนาจใหม่ มีสะสมมากและร้ายแรงกว่าของฝ่ายชาติตะวันตก, รัสเซีย จึงรุกต่อ โดยนับจากวันที่ 1 เม.ย.65 นี้จะรับชำระค่าก๊าซกับ “ชาติที่ไม่เป็นมิตรในบัญชีดำ” เป็นค่าเงินรูเบิลเท่านั้น โดยธนาคารกลางรัสเซีย เปิดแลกเงินรูเบิลด้วยอัตรา 5,000 รูเบิ้ล/ทองหนึ่งกรัม (คิดเป็นเงินไทยราว 26,400 บาท/บาททองคำ 15 กรัม) ซึ่งเป็นราคาทองคำที่ถูกกว่าท้องตลาดเล็กน้อย


โดยรัสเซียจัดโปรโมชั่นลดราคาก๊าซ 25% จากราคาตลาด ตัดหน้าสหรัฐที่แพงกว่านี้ถึง 5 เท่าตัว ชาติที่ไม่เป็นมิตรต่าง ๆ จะต้องขน “ทองคำสำรอง” ของแต่ละชาติไปซื้อเงินกระดาษรูเบิลรัสเซียบ้าง เป็นการย้อนเกร็ดที่แสบสันต์ ซึ่งชาติพวกนี้ที่ผ่านไม่ค่อยได้ซื้อทองคำมาค้ำประกันค่าเงินตนเองมานานแล้ว จึงไม่มีทองคำมากเพียงพอจ่ายค่าก๊าซให้รัสเซีย ล่าสุดกลุ่ม G7 (สหรัฐ แคนาดา อังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น) มีมติ “ไม่จ่ายค่าพลังงานกับรัฐเซียเป็นเงินรูเบิ้ล” นั่นหมายถึงรัสเซีย ที่มีพลังงานและครองยุโรปอยู่ ก็จะต้องตัดจ่ายก๊าซทั้งหมดทันที เพราะผู้ซื้อไม่มีทองคำขนมาแลกเงินตรารูเบิ้ลจากตน ขายให้ก็ชักดาบอีก

จากนั้นรัสเซีย จะซ้ำโดยจะปิดท่อส่งน้ำมันของตนที่คาซัคสถานไม่ให้ไหลไปยุโรป ดันราคาน้ำมันให้ถึง 300 – 500 ดอลลาห์/บาร์เรล , ระงับส่งถ่านหินผลิตไฟฟ้า , ระงับส่งแร่ยูเรเนียมสำหรับปฏิกรณ์นิวเคลียร์ผลิตไฟฟ้า ซึ่งรัสเซียรู้ดีว่าเวลาแค่ไม่เกิน 2 เดือน หายนะครั้งใหญ่ที่สุดจะเกิดกับยุโรป จากนั้นก็ค่อยพิจารณายิงขีปนาวุธใส่ชาติ “ลูกหนี้ที่เบี้ยวจ่ายค่าพลังงานเป็นรูเบิ้ล” และบรรดาประเทศที่ “อายัดเงินทุนสำรองรัสเซีย 300,000 ล้านดอลลาห์ ” รวมทั้งญี่ปุ่น เกาหลีไต้ ด้วย เพื่อซ้ำเติมความตื่นตระหนกเศรษฐกิจชาติพันธมิตรอำนาจเก่าหนักขึ้นอีกเรื่อย ๆ..รื้อระเบียบโลกเก่าที่เอาเปรียบ จัดระเบียบโลกใหม่ที่เป็นธรรม..มหาสงครามอาหาร พลังงาน เงินตรา อาวุธ..ฝ่ายใดกระพริบตาคุกเข่าก่อน ก็โดนน็อคยาวเป็นร้อยปี

Exit mobile version