นิวยอร์กเละเทะ!?ไบเดนยุสงครามไปทั่ว วิกฤตคนไร้บ้านลุกลาม ยึดรถไฟใต้ดินเป็นที่อาศัย ตีชิงวิ่งราวพุ่งกระฉูด

1720

ท่ามกลางวิกฤตสงครามยูเครน สหรัฐฯมีบทบาทหลักในการจุดชนวนความขัดแย้งกับรัสเซีย และจนถึงปัจจุบันยังคงยุให้ยูเครนสู้ต่อ พร้อมสัญญาส่งเงินและอาวุธเพิ่ม ขณะที่ปล่อยวิกฤตคนจรจัด คนไร้บ้านในประเทศสหรัฐลุกลาม แก้ไม่ได้ในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ  ล่าสุดที่นิวยอร์ก คนจรจัดคนไร้บ้านพากันยึดทั้งสถานีรถไฟใต้ดินและภายในรถไฟใต้ดินใช้เป็นบ้านพักอาศัย ใช้วิธีไล่ออกไป ไม่กี่วันก็กลับมาอีก เพราะไม่แก้ปัญหารากฐาน แก้ไขแบบขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ  ที่สำคัญพ่วงอาชญากรรม ความรุนแรง การฉกชิงวิ่งราวทำให้นิวยอร์กกลายเป็นเมืองอันตรายไม่สมกับฐานะศูนย์กลางการเงินโลกแม้แต่น้อย ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งขององค์การสหประชาชาติ ที่สหรัฐฯใช้ขับไล่ทูตและเจ้าหน้าที่ทูตของรัสเซียหน้าตาเฉย ด้วยข้ออ้างไม่เชื่อใจอาจเป็นสายลับ

วันที่ 26 มี.ค.2565 สำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ปัญหาใหญ่ของทางการนิวยอร์กที่ต้องการเร่งแก้ไขปัญหา คนจรจัดไร้บ้านพากันเข้ามายึดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน  เพราะผู้คนชาวนิวยอร์กเริ่มหวั่นกลัวตวามปลอดภัยในการมาใช้บริการ

เจ้าหน้าที่ในนครนิวยอร์กกำลังวางแผนที่จะรื้อที่พักพิงชั่วคราวที่คนเร่ร่อนสร้างขึ้นตามท้องถนนในเมือง ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามที่คล้ายคลึงกันในมหานครเสรีอื่นๆ ที่เคยยอมรับการตั้งแคมป์ในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19

นายกเทศมนตรีเอริค แอร์ดัมส์(Eric Adams) เปิดเผยแนวคิดการผลักดันให้นำคนเร่ร่อนออกจากระบบรถไฟใต้ดินของเมืองเพื่อรับมือปัญหาอาชญากรรม การทำร้ายร่างกายและพฤติกรรมก้าวร้าวอื่นๆที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เราจะกำจัดที่ตั้งแคมป์นอกถนนของเรา และเราจะจัดผู้คนให้อยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ดีด้วยเสนอบริการที่ครบถ้วนแทน” “ผมได้สั่งให้หน่วยงานในเมืองนิวยอร์กทำการวิเคราะห์ทีละปัญหา ทีละเขต รวบรวมระบุว่าแคมป์อยู่ที่ไหน จากนั้นดำเนินการแผนชักชวน ใช้บริการที่จำเป็นจากเมือง แล้ว จากนั้นจึงทำการรื้อแคมป์เหล่านั้นออกให้หมด”

อดัมส์ไม่ได้บอกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในแคมป์จะไปที่ไหน และยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบังคับใครให้ไปที่ที่พักพิงคนไร้บ้านได้ เขาคาดว่าจะเริ่มขึ้นภายในสองสัปดาห์

ผู้คนกว่าครึ่งล้านทั่วอเมริกาไม่มีที่อยู่อาศัย โดยในทุกๆ วันมีคนเร่ร่อนประมาณ 17 ต่อ 10,000 คน และมีผู้เสียชีวิตหลายพันคนต่อปี พวกเขาติดอยู่ในวัฏจักรแห่งความยากจนและไม่สามารถทำงานที่มั่นคงเพื่อหาเลี้ยงชีพได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังขาดความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเป็นเอกภาพ

ในการประมาณการครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2564 ตามเมืองใหญ่ระบุว่ามีผู้คนประมาณ 1,100 คนอาศัยอยู่ในสวนสาธารณะและตามท้องถนน ซึ่งเป็นจำนวนที่หลายฝ่ายมองว่ายังนับไม่ครบถ้วน ขณะที่คนไร้บ้านประมาณ 50,000 คนในเมืองส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในที่พักพิงที่รัฐจัดให้ แล้วส่วนที่เหลือมีไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ

ผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยและหน่วยงานที่ติดตามปัญหาคนไร้บ้าน คนจรจัดมองว่าการขับไล่และทำลายแคมป์ที่พักตามท้องถนนจะส่งผลให้ผู้คนย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย และสถานการณ์วิกฤติคนไร้บ้านตามเมืองต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งลอสแองเจลิส ซานฟรานซิสโก ซีแอตเทิล และวอชิงตัน ดีซี