การดิ้นรนครั้งสุดท้ายของมหาอำนาจเดี่ยวสหรัฐและพันธมิตรตะวันตก กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น เพราะรัสเซียคือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างไม่คาดคิด สามารถตอบโต้กลับทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร ทำให้ผู้นำสหรัฐต้องหลุดปากอาฆาตต่อปธน.ปูตินอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้ทางการสหรัฐฯต้องออกมาแก้ตัวตามหลังพัลวัน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มี.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศต่างรายงานพร้อมเพรียงกันว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ต้องพากันออกมาชี้แจงพัลวันว่าอเมริกาไม่มีนโยบายเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในรัสเซีย หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย “ไม่อาจอยู่ในอำนาจได้อีกต่อไป” จนถูกมอสโกว์ออกมาตอบโต้ว่าสหรัฐเกี่ยวอะไรด้วย ไม่เคารพต่อการเลือกของประชาชนชาวรัสเซีย
เป็นเพราะคำพูดของไบเดนระหว่างเยือนโปแลนด์เมื่อวันเสาร์ที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังรวมถึงความเห็นที่เรียก ปูติน ว่า “คนโหดเหี้ยม” ดูเหมือนเป็นเผยแผนลึกของสหรัฐฯ ที่มีต่อรัสเซียอย่างล่อนจ้อน หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ที่สหรัฐชวนเหล่าพันธมิตรตะวันตกมารุมขยี้รัสเซียแท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะบุกยูเครนแต่มีเหตุผลแอบแฝงซับซ้อนที่อดพูดออกมาไม่ได้
เครมลินตอบโต้ความคิดเห็นของไบเดน โดยระบุว่า “มันไม่ใช่การตัดสินใจของไบเดนหรือสหรัฐฯ ประธานาธิบดีรัสเซียจะเป็นใคร ประชาชนชาวรัสเซียเท่านั้นจะเป็นคนเลือก”
ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเปรียบเทียบความพยายามของชนชั้นสูงในตะวันตกในการพยายามล้มล้างรัสเซียแต่ต้องล้มเหลว
ปูตินกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่การประชุมเสมือนจริงกับผู้รับรางวัลประธานาธิบดีสำหรับความสำเร็จในด้านศิลปกรรมและวรรณกรรม “วันนี้ ตะวันตกกำลังพยายามที่จะยกเลิกรัสเซียทั้งประเทศที่มีอายุนับพันปีของเรา รวมทั้งผู้คนของเรา”ปธน.ปูตินตำหนิสิ่งที่เขาเรียกว่า“การเลือกปฏิบัติที่เพิ่มขึ้นในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียของบางประเทศทางตะวันตก และได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นสูงซึ่งเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง” “แต่มันไม่มีทางประสบความสำเร็จ”
ในเวลาเดียวกันอดีตประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวยืนยันว่าระเบียบโลกหลังสงครามเย็นสิ้นสุดลงแล้ว
ดมิทรี เมดเวเทฟ(Dmitry Medvedev) อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติคนปัจจุบันกล่าวกับสำนักข่าวอาร์ทีและอาร์ไอเอ โนวอสติ( RT, RIA Novosti) ในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เขาย้ำว่าชาวรัสเซียกำลังรวมตัวกันเมื่อเผชิญกับการคว่ำบาตรและการคุกคามจากตะวันตก และจะจดจำการรณรงค์สร้างความเกลียดชังต่อทุกสิ่งที่เป็นรัสเซียในปัจจุบันไปตลอดกาล ที่จริงแล้ว สหรัฐฯ นี่แหละที่เป็นคนโกงชาติ ไม่ใช่เพราะเราไม่ชอบคนอเมริกัน เป็นเพราะสหรัฐฯ กำลังทำสงครามยึดครองทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง พวกเขาคือพวกนอกกฎหมายอย่างแท้จริง
มาประมวณเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันว่า เป็นไปตามที่ผู้นำรัสเซียสรุปว่า อำนาจสหรัฐและตะวันตกจะสิ้นสุดลงอย่างแน่นอนหรือไม่?
1.ผลการประชุมฉุกเฉินของ NATO ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมเมื่อเร็ว ๆนี้ ทำให้ ปธน. ปูติน แห่งรัสเซีย ระบุได้ชัดเจนให้โลกได้รับรู้ว่า ที่จริงแล้วรัสเซียกำลังทำสงครามกับสหรัฐและนาโต้ไม่ใช่กับยูเครน ยูเครนเป็นเพียงด่านหน้าเครื่องมือของอำนาจเก่าที่กำลังล่มสลาย
การแพ้หรือชนะ ในสงครามยูเครนครั้งนี้ คือ สงครามเปลี่ยนโลก ดังนั้นรัสเซียไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชนะอย่างเดียว
และหลังการประชุมทั้งนาโต้ และสหภาพยุโรป ปรากฎว่าไม่สามารถออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม หรือระดมกำลังสมาชิกจากยุโรปเข้าร่วมรบกับรัสเซียในยูเครนได้ ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศสเสียงแข็งไม่คว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย ไม่ส่งกำลังสันติภาพเข้ายูเครน แม้แต่อังกฤษก็มีท่าทีถอยร่น
- รัสเซียประกาศปรับแผนการรบ หลังประสบชัยชนะ ในการทำลาย “ฐานทัพทางทหาร” ของยูเครน กว่า 2 พันแห่ง โดยเรียกว่าสงครามเฟส 1บรรลุเป้าหมายแล้ว ผลงานทางทหารที่ประกาศเป็นทางการคือ ยึดท่าเรือทางทหาร เพื่อปิดทางสู้ทางทะเล และ ยึดท่าเรือ ทางพาณิชย์ เพื่อ ทำสงครามเศรษฐกิจ กับสหรัฐและบริวารรวมทั้งยูเครนด้วย
กระแสข่าวว่ารัสเซียถอนกำลังกลับมุ่ง “ปลดแอแคว้นดอนบาสก์” สำเร็จแล้วเป็นเพียงกลยุทธ์ แม้จะมีข่าวว่า สาธารณรัฐโดเนตสก์และลูฮันสก์แย้มท่าทีจะจัดประชามติรวมตัวกับรัสเซียเหมือนไครเมีย นั่นทำให้ปธน.เซเลนสกี้แห่งยูเครนเริ่มเผยท่าทีจะยอมเจรจารับเงื่อนไขรัสเซียมากขึ้น ในขณะที่ปธน.ไบเดนกลับพบและปลุกเร้ารมว.ของยูเครนที่วอร์ซอให้สู้ต่อ
3.รัสเซียทำสงครามเศรษฐกิจ แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ใช้น้ำมัน-ก๊าซหรือทองคำดำที่มีอย่างมหาศาล เป็นตัวขับเคลื่อนลงแส้สหรัฐและยุโรปอย่างเด็ดขาด “สร้างความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจอียู ชาติ NATO และชาติพันธมิตรที่ไม่เป็นมิตรอย่างสาสม
4.พันธมิตรตะวันออกเข็มแข็งยืนเคียงข้างรัสเซียชัดเจนขึ้น เนื่องจากมีความชัดเจนว่า สหรัฐฯ กับ NATO และชาติพันธมิตร มีเป้าหมาย “ที่แท้จริง” ในการยุแหย่ให้เกิดสงครามยูเครน ครั้งนี้ เพื่อทำลายรัสเซียถึงขั้นล่มสลาย ทั้งประชาชาติ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม หากแพ้ครั้งนี้ ผู้นำรัสเซียจะถูก สหรัฐฯ และ NATO เอาตัวไปแขวนคอในฐานะ “อาชญากรสงคราม” หรืออาจกำลังพยายามลอบสังหารเหมือนกับที่ทำกับผู้นำเวเนซูเอลา และอิหร่านมาหลายปีก็เป็นได้
สัญญานหลายประการ บ่งชี้ว่า สงครามยูเครนครั้งนี้ ปธน. ปูติน เตรียมการรบไว้อย่างสุขุมลุ่มลึก โดยเฉพาะ การประสานแนวรบ “ด้านพลังงาน” ในกลุ่ม OPEC และ OPEC Plus กลุ่มประเทศอ่าวซึ่งเคยเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นของสหรัฐพากันตาสว่างและตีจากอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากรัสเซียจะตอบโต้กลับในสงครามเศรษฐกิจ ทำให้แผนการใหญ่ของสหรัฐล้มเหลวแล้ว กลุ่มประเทศพันธมิตรที่เชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ-การเมือง-การทหารมาอย่างยาวนาน เช่นกลุ่มบริกซ์ และกลุ่มพันธมิตรเซี่ยงไฮ้ ได้เดินหน้าเคียงข้างรัสเซียอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนมีบทเรียนจากอดีตชัดเจนและต่างตระหนักดีว่า จบศึกรัสเซียหากสหรัฐและตะวันตกเป็นฝ่ายชนะ คิวต่อไปคือพันธมิตรตะวันออกทั้งหลายที่พากันเบื่อหน่ายอำนาจเปโตรดอลลาร์ และเอือมระอาความเห็นแก่ตัวของประเทศยักษ์ใหญ่ที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจอย่างสหรัฐฯแน่นอน แล้วใครจะยอม??
สงครามยังไม่จบง่าย แต่กระแสเชี่ยวกรากของการดิ้นรนเป็นอิสระจากมหาอำนาจเดี่ยวที่ไร้ความชอบธรรมกำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก ไม่เว้นภายในยุโรปและสหรัฐอเมริกา!!
