จากสถานการณ์สู้รบในยูเครนยังคงดำเนินต่อไปนั้น ทางด้านประเทศต่างๆที่โดนสหรัฐบีบให้คว่ำบาตรรัสเซีย ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครต้องการจะทำเช่นนั้น เพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในประเทศเอง
ล่าสุดเฟซบุ๊ก World Update ได้โพสต์เนื้อหาข่าวที่สำคัญ โดยอ้างถึงแหล่งที่มาคือ RT , Theworldmap ซึ่งมีข้อความถึงเหตุการณ์ในห้วงเวลานี้อย่างมีนัยยะสำคัญบางส่วนว่า “ตุรกี โบกมือลาสหรัฐ ซบรัสเซียไปอีกราย ขอให้ NATO โชคดี
ชาวตุรกี รุ่นตั้งแต่สงครามใหญ่รู้ซึ้งถึงความโหดของกองทัพรัสเซียได้ดี สอนลูกหลานรุ่นต่อมาว่า “รบกับใครก็ได้ในโลกนี้ แต่อย่ารบกับรัสเซีย” ซึ่งความจริงนี้ยังถูกส่งต่อมาถึงกลุ่มก่อการร้าย ISIS ที่กลุ่ม NATO และตุรกี หนุนหลังก่อสงครามในอิรัก ซีเรีย จนถูกรัสเซียถล่มกลายเป็นปุ๋ย จำนวนช่วงรุ่งเรืองจาก 150,000 คน เหลือเพียงราว 800 คน คอยรับใช้กองทัพสหรัฐ ขับรถน้ำมันที่หลบเลี่ยงค่าสัมปทานรัฐบาลอิรัก ซีเรีย ที่ชายแดนตุรกี กลุ่ม ISIS บางส่วนก็หนีตายเข้าไปอาศัยอยู่ในตุรกี และไม่กล้ากลับไปเป็น ISIS อีกเลย
แม้ว่าตุรกี จะอยู่ในกลุ่ม NATO แต่ก็เหมือนเป็น “หนอน” ให้กับรัสเซีย เหตุเพราะประธานาธิบดี ราซิฟ ทายิฟ เออร์โอกัน ของตุรกีนั้นเป็น “หนี้บุญคุณ” ต่อประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย คราวที่สหรัฐหนุนก่อการรัฐประหารในตุรกี แต่รัสเซียสอดแนมรู้ก่อนจึงส่งซิกแจ้งผู้นำตุรกี ทำให้เขาหัวร้อนมากสั่งจับกุมผู้เตรียมก่อการรัฐประหารเขาในคืนก่อนก่อเหตุจนหมดเกลี้ยง หัวโจกชาวตุรกี สหรัฐได้ช่วยหลบหนีไปเป็นพลเมืองอเมริกัน ทางการตุรกี ร้องขอส่งตัวกลับไปรับโทษข้อหากบฎ แต่สหรัฐบ่ายเบี่ยงไม่ยอมส่งอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชน
ตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ตุรกี-สหรัฐ ก็ขาดสะบั้นลง ตุรกี เจ็บใจมากไม่ต้องการซื้อฝูงบินรบ F-35 จากสหรัฐ แม้จะจ่ายเงินมัดจำบางส่วนไปแล้ว หันไปซื้อระบบต่อต้านอากาศยาน S-400 จากรัสเซียไปติดตั้งแทน เหตุเพราะระบบป้องกันภัยทางอากาศของสหรัฐ THAAD และ Patriot นั้นมีจุดบอด คือ เป็นระบบที่ใช้ยิงสกัดอาวุธหรือเครื่องบินที่อยู่ระยะสูง แต่ถ้าเจอจรวดร่อน
ตุรกี จึงไม่สนใจคำสั่งสหรัฐ หรือมติใดๆ ของ NATO ต่อรัสเซีย ที่ผ่านมาตุรกีจึงไม่แบนรัสเซีย ยังคงซื้อน้ำมัน ก๊าซ สินค้าจากรัสเซียเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกด้วย ล่าสุดภายหลังการประชุม NATO ผู้นำตุรกี แถลงว่า “ตุรกีจะไม่เข้าร่วมการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย เนื่องจากไม่สามารถยอมให้พลเมืองของตนถูกแช่แข็ง โดยปราศจากก๊าซของรัสเซีย ประเทศของเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายตัวเองด้วยการทำลายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับรัสเซียซึ่งเป็นผู้จัดหาพลังงานรายใหญ่”
“เขาไม่สามารถปล่อยให้ประชาชนตุรกีอยู่อย่างโดดเดี่ยว เขาไม่สามารถหยุดอุตสาหกรรม สำหรับผลประโยชน์ของตุรกีได้อย่างแน่นอน” ผู้นำตุรกี ระบุต่อว่า “นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย จะเป็นแหล่งรายได้หลักสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตุรกีในปี 2565 การปิดล้อมทางการเงินที่ชาติตะวันตกแบนรัสเซีย ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล ตุรกี จึงเปลี่ยนการชำระเงินค่าพลังงาน และสินค้าระหว่างตุรกีและรัสเซียเป็นสกุลเงินรูเบิ้ล รัสเซีย”
ผู้นำตุรกี ยัง “ปฏิเสธคำขอของสหรัฐ” ที่ขอร้องให้ช่วยย้ายระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ที่ซื้อมาจากรัสเซีย เอาไปให้ยูเครน เพราะระบบป้องกันภัยทางอากาศของสหรัฐ ถ้าขนไปให้ยูเครน ก็จะโดนกองทัพรัสเซียยิงอาวุธ Hypersonic missile ใส่โดยเครื่องยังไม่ทันตรวจจับได้ด้วยซ้ำ
โดยสหรัฐ พยายามตื้อขายฝูงบินรบ F-35 ให้กับตุรกี แต่ตุรกีไม่อยากได้แล้ว เพราะสามารถใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ของรัสเซีย ยิงฝูงบินรบ F-35 ของสหรัฐ ตกยกฝูงได้ในเวลาไม่กี่นาที ผู้นำตุรกี จึงย้ำว่า “นี่คือข้อตกลงกับรัสเซียที่ทำเสร็จแล้วสำหรับเรา มันทรัพย์สินของเราที่ให้การป้องกันประเทศเฉพาะตุรกีเท่านั้น ดังนั้นมันจบแล้ว”
..สรุป..ตุรกี ไม่อยากเป็นเครื่องมือของสหรัฐ หลอกใช้ให้ขัดแย้งกับรัสเซีย และตุรกีเลือกใช้อาวุธรัสเซีย โดยไม่ต้องการอาวุธของสหรัฐ แม้ว่าสหรัฐจะแก้เขินว่าไม่ขายให้ก็ตาม