สหรัฐจ๊าก!! รัสเซียเล็งให้ ‘ประเทศที่เป็นมิตร’จ่ายก๊าซเป็นบิตคอยน์ได้ ขณะยุโรปดิ้นซื้อจากเมกาแทนได้แค่ 11%

1070

รัสเซียตอบโต้สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกคว่ำบาตรการเงิน พลังงานของรัสเซียด้วยการขายน้ำมันและก๊าซเป็นเงินรูเบิล ให้กับประเทศที่คว่ำบาตร ซึ่งหมายถึงประเทศยุโรปทั้งหมด และก็ใกล้ถึงคิว ประเทศที่เป็นมิตร มีกระแสข่าวแย้มออกมาว่า ปธน.ปูตินกำลังพิจารณาประกาศใช้ bitcoin ซื้อน้ำมันจากรัสเซียได้ ผลสุดท้ายจะเป็นจริงหรือไม่ต้องติดตามฟังจากรัสเซียโดยตรง เพราะแค่ข่าวแพร่ไปมูลค่าบิทคอยน์ก็พุ่งรับทันที

วันที่ 25 มี.ค.2565 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า รัสเซียเตรียมประกาศขายน้ำมันและก๊าซเป็น Bitcoin เฉพาะประเทศที่เป็นมิตร สำหรับประเทศที่คว่ำบาตรยังคงต้องจ่ายค่าก๊าซด้วยสกุลเงินรูเบิล ใครไม่จ่ายถือว่ารัสเซียมีสิทธิ์ระงับการส่งได้

ปาเวล ซาวาลนี (Pavel Zavalny) ประธานคณะกรรมการด้านพลังงานของรัสเซียแถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่าสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin กำลังถูกพิจารณาเป็นอีกทางเลือกในการชำระค่าส่งออกพลังงานของรัสเซีย สำหรับประเทศที่ “เป็นมิตร” อย่างเช่นจีนหรือตุรกี จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นสำหรับการชำระค่าน้ำมันหรือก๊าซจากรัสเซีย นอกเหนือจากการใช้สกุลเงินของประเทศผู้ซื้อเอง

โดยก่อนหน้านี้จีนสามารถชำระค่าพลังงานจากรัสเซียโดยใช้สกุลเงินรูเบิลและหยวน สำหรับตุรกีก็สามารถชำระด้วยลีร่าและรูเบิล

ขณะที่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเคลื่อนไหวในทิศทางบวก โดย Bitcoin เพิ่มขึ้นราว 4% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทะลุระดับ 44,100 เหรียญสหรัฐ ส่วนสกุลเงินดิจิทัลอันดับสองอย่าง Ethereum เพิ่มขึ้นเกือบ 3% อยู่ที่กว่า 3,100 เหรียญสหรัฐ

ถ้อยแถลงของซาวาลนีเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียขอให้ประเทศที่ “ไม่เป็นมิตร” จ่ายค่าก๊าซเป็นสกุลเงินรูเบิลรัสเซีย เมื่อต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงจากยุโรปและสหรัฐ ขณะที่ประเทศในสหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียกว่าร้อยละ 40 นำเข้าน้ำมันร้อยละ 27 และนำเข้าถ่านหินเกือบครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมด

“หากคุณต้องการก๊าซของเรา ก็ซื้อด้วยสกุลเงินของเรา” ปูตินกล่าว

การประกาศของปูตินส่งผลให้ราคาน้ำมันในยุโรปพุ่งสูงขึ้นจากความกังวลว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้ตลาดพลังงานตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน อย่างไรก็ตามสหภาพยุโรปปฏิเสธข้อเรียกร้องของปูติน

ล่าสุดหลังการประชุมกลุ่มนาโต้ที่บรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม สหภาพยุโรปแถลงว่าจะซื้อ LNG จากสหรัฐฯแทน เพื่อลดการพึ่งพิงรัสเซีย แต่ภายในปีนี้ก็ยังไม่พอเพียงกับความต้องการโดยรวม

ทั้งนี้สหรัฐฯ ประกาศจะเร่งเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อจัดส่ง ให้กับสหภาพยุโรป (EU) จำนวน 1.5 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ภายในปี 2565 เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซธรรมาชาติจากรัสเซีย เนื่องจากปัจจุบันสหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซธรรมชาติร้อยละ 40 ของทั้งหมดจากรัสเซีย แต่ต้องการลดการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียให้ได้ 2 ใน 3 โดยมีแผนจะเพิ่มการนำเข้าจากประเทศอื่นและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนแทน 

อเมริกาเพิ่มการจัดส่งก๊าสให้ยุโรปให้สำหรับปีนี้ 1.5 หมื่นล้านคิว คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 11% ของการจัดส่งผ่านท่อโดยรัสเซีย

หากก๊าซจากรัสเซียหายไปจากยุโรป 100% หรือ 1.28 แสนล้านคิว จะต้องนำเข้าโดยบรรทุกผ่านเรือมาจากอเมริกา เรือขนส่ง LNG โดยปกติบรรทุกได้ 260,000 คิวต่อเที่ยว(ไป-กลับ) ดังนั้นใน 1 ปี จะต้องบรรทุก 5 แสนเที่ยว หรือเฉลี่ยวันละ 1,370 เที่ยว

ในปัจจุบัน เรือบรรทุก LNG ทั้งโลกมีประมาณ 550-600 ลำ สมมุติว่าทั้งโลกมี 600 ลำ หากจะแบ่งภาคมาขนแก๊สเฉพาะให้ยุโรปเจ้าเดียว อย่างเดียว ให้ได้ครบเต็มจำนวน เรือหนึ่งลำต้องทำรอบไม่น้อยกว่า 2 เที่ยวต่อวัน

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ต้องวิ่งจากอัมสเตอร์ดัมข้ามแอตแลนติกไปเท็กซัสให้ถึง ภายใน 6 ชม ถึงจะสามารถทำรอบได้ 2 เที่ยว ในหนึ่งวัน

สรุปว่าแบบนี้ก็แค่ปลอบใจกันไปหรือไม่ เพราะดูอย่างไรก็ไม่เพียงพอ สหรัฐอาจคาดหวังให้ประเทศกลุ่มอ่าวอาหรับ และละตินอเมริกาอย่างเช่น เวเนซูเอลา กระทั่งอิหร่านที่เป็นไม้เบื่อไม้เมามานับทศวรรษ มาเติมเต็มพลังงานทดแทนให้ยุโรป แต่ก็ยังไม่มีหลักประกันอย่างไร เพราะไม่มีใครรับปากและมีแนวโน้มเอียงไปทางรัสเซียมากกว่า

สถานการณ์สงครามเศรษฐกิจที่สหรัฐฯตั้งใจขยี้รัสเซียให้แหลกราญ มาถึงวันนี้ผลออกมาหงายหลังไปหลายเรื่อง โดยเฉพาะคว่ำบาตรน้ำมัน ทั้งนาโต้ ทั้งสหภาพยุโรปไปไม่เป็นไม่กล้าตัดขาดพลังงานรัสเซีย ต้องอ้อมแอ้มสร้างภาพยังเหนียวแน่น  แต่ขอเลื่อนเวลาไปปีหน้าค่อยคว่ำบาตร ตอนนี้ขอซื้อก๊าซรัสเซียไปก่อน เพราะราคาถูก ที่ประกาศจะซื้อจากสหรัฐฯก็ไม่กล้าบอกราคาว่าจะต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่ เพราะแค่นี้ ยุโรปก็อลหม่านเนื่องจากประชาชนสุดทุน ออกมาประท้วงเกือบสัปดาห์แล้ว ให้เลิกยุ่งกับสงครามยูเครน แล้วกลับมาดูแลประชาชน บางประเทศเรียกร้องให้ถอนตัวจากนาโต้ด้วยซ้ำ

ต้องจับตากันต่อไปว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำไปได้นานแค่ไหน เพราะทั้งไม่สอดคล้องความจริงแล้วยังสะท้อนความเห็นแก่ตัวของสหรัฐและผู้นำกลุ่มประเทศตะวันตกอย่างชัดแจ้ง!