จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หลายประเด็นบนโลกโซเชียล ถึงกรณีที่ช่องททบ. 5 ได้ร่วมลงนามแลกเปลี่ยนข่าวสารรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงมีจีนและอิหร่านด้วยนั้น จนทำให้ถูกมองว่าสื่อไทยเลือกข้าง และสามารถซื้อได้
ล่าสุดทางด้านพล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์” ถึงกรณีปรากฏภาพนั่งประชุมกับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย จีน และอิหร่าน รวมถึงนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นอกจากนี้ ยังมีการเซ็น MOU ด้านข้อมูลข่าวสารระหว่างไทยกับรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้ได้เซ็นความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารกับจีนและอิหร่านมาก่อนหน้านี้แล้ว ว่า ความเป็นมาของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน 1 เดือนที่ผ่านมา เป็นสงคราม 3 มิติ
มิติแรก คือ การใช้กำลังทางทหาร มิติที่สอง สงครามข่าวสาร สงครามข่าวสาร ต่างฝ่ายต่างบอกว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นข่าวปลอม fake news อีกฝ่ายเป็นโฆษณาชวนเชื่อ และมิติที่สาม สงครามเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ทั้งด้านพลังงาน ราคาน้ำมัน การค้าลำบากขึ้น รวมถึงโควิด-19 ที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไหร่ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว รายได้ลดลง รายจ่ายเพิ่มขึ้น เพราะอัตราเงินเฟ้อขึ้นสูง
การที่ตนไปเจรจากับจีนและรัสเซีย หรือ อิหร่าน ต้องบอกให้ทราบก่อนว่า ทางทูตเชิญตนไป ไม่ใช่ตนดิ้นรนไปเอง และการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยเป็นไปอย่างเปิดเผย และเป็นสิทธิที่จะพูดคุยกันได้ “ผมเพิ่งมาเป็นสื่อ มาเป็น ผอ.ททบ.5 ประมาณปีครึ่ง ผมรู้สึกปวดใจมาก ที่มีคนบอกว่า สื่อไทยเลือกข้าง สื่อเมืองไทยซื้อได้ สิ่งที่ผมทำ คนชอบพูดว่า ททบ.5 เป็นสื่อกองทัพ ซึ่งปัจจุบัน ททบ.5 รับข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์และต้องจ่ายค่าบริการปีละ 2 ล้านบาท วันนี้ ททบ.5 ต้องการทำให้เป็นสื่อที่ประชาชนพึ่งพิงได้ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบก (พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้) ไม่เคยสั่งการอะไรผมเลยเป็นพิเศษ แต่มีอะไรผมต้องรายงานให้ท่านทราบเพราะท่านเป็นประธานบอร์ด และผมทำภายใต้กฎหมาย ภายใต้กติกา การที่เราได้ข้อมูลข่าวสารจากอีกด้านหนึ่ง ซึ่งปกติไม่เคยได้จากจีน อิหร่าน รัสเซียเลย ส่วนใหญ่ได้มาจากตะวันตก”
อุปทูตยูเครนเชิญผมไป ผมก็คุยเหมือนรัสเซีย จีน อิหร่าน และจะมีการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ข่าวสารใดที่รัสเซีย ยูเครน จีน อิหร่าน คิดว่าไม่ถูกต้อง และต้องการให้คนไทยรู้ว่า สิ่งที่ถูกต้อง คืออะไร ก็ส่งมาที่ ททบ.5 ซึ่งผมสั่งนักข่าว ททบ.5 ไปแล้วว่า ห้ามบิดเบือนข่าว ให้ออกทุกอย่างเหมือนกับที่ทางการ 4 ประเทศส่งมา ซึ่งเป็นข่าวที่สถานทูตรับรอง และคนไทยสามารถฟังทั้งสองฝั่ง และไปพิจารณาเองว่า ใครเป็นข่าวเท็จ ข่าวจริง
นอกจากนี้ พล.อ.รังษี ยังได้กล่าวถึงนายไพศาลที่ปรากฏอยู่ในภาพดังกล่าวด้วยว่า เป็นคนที่ทางรัสเซียและอิหร่านมาประสานกับทางตนในการเข้าพบ นายไพศาลไม่ได้ออกความเห็น หรือ พูดอะไรเลย เพราะตนไม่เคยรู้จักกับทูตรัสเซีย ส่วนทูตรัสเซียและทูตอิหร่านจะรู้จักนายไพศาลได้อย่างไร ตนไม่ทราบ แต่จีนตนติดต่อเอง ผ่านทาง China Media Group Asia Pacific (CMG) ซึ่งก่อนตนจะไปหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับทูตทั้ง 4 ประเทศ ได้รายงานให้ผบ.ทบ.ทราบ ในฐานะประธานบอร์ด
“ช่อง 5 ควรจะเข้าไปอยู่ในสงครามข่าวสาร เพราะวันนี้เรายังสับสนว่าอะไรจริงอะไรเท็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสื่อโดยตรง เป็นการยกระดับสื่อมวลชนไทยด้วย และทำให้ต่างชาติยอมรับเรา ว่าเราเปิดกว้าง ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง”