เผยธาตุแท้วิปริต!!สื่อยูเครนยุให้คร่าชีวิต-หมอยุให้ตอนคนรัสเซีย สหรัฐตัวการหนุนเกลียดชังเชื้อชาติหวังชนะศึก

967

สงครามยูเครนได้กระชากหน้ากากนักบุญของสหรัฐและชาติตะวันตกอย่างล่อนจ้อน สหรัฐอเมริกาโฆษณาชวนเชื่อ กระตุ้นความอาฆาตพยาบาทและเกลียดชังรัสเซียแพร่หลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยสงครามข่าวสาร ใช้สื่อของตะวันตกทั้งออฟไลน์ออนไลน์ถ่ายทอดคำพูด การแสดงออกของ บุคคล ผู้มีอิทธิพลทางสังคมในทุกวงการแสดงความเกลียดชังต่อต้านรัสเซียอย่างก้าวร้าวต่อเนื่อง จนทุกวันนี้ ไม่เฉพาะรัฐบาลของสหรัฐและพันธมิตรต่างกระทำการร้ายกาจหวังทำลายล้างรัสเซียในทุกมิติ ไม่ใช่เพียงเศรษฐกิจ การเมือง ลามไปถึงวัฒนธรรม สังคมตะวันตกกำลังรุมทำร้ายรัสเซีย ทั้งดัวยคำพูด การทำร้ายร่างกาย การปล้นชิงทรัพย์สินที่เป็นของคนรัสเซียอย่างไม่ละอาย และนับวันจะมากขึ้นโดยมีสื่อตะวันตกรายงานอย่างกว้างขวาง

ความเกลียดชังเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับชาวจีน คนอเมริกันเชื้อสายเอเชียในสหรัฐและยุโรปมาก่อนหน้า และกำลังเกิดแก่ชาวรัสเซียอย่างน่าหวาดสะพรึง

เป็นเพราะรัสเซียและจีนเป็นคู่แข่งท้าทายการเป็นเจ้าครองโลกของสหรัฐและชาติตะวันตก หรือเพราะเป็นความชิงชังฝังลึกที่ระเบิดออกเมื่อผลประโยชน์ขัดกัน?

วันที่ 22 มี.ค.2565 สำนักข่าวโกลบัลไทมส์ ได้เผยแพร่รายงาน ผลกระทบจากสงครามยูเครนต่อโลกว่า ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงดำเนินต่อไป โลกอินเทอร์เน็ตได้แพร่วาจาสร้างความเกลียดชัง การข่มขู่ ทำลายชีวิตชาวรัสเซีย ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตขึ้นหรือเผยแพร่โดยสื่อหรือผู้นำทางความคิด 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฟาครูดิน ชาราฟมัล ผู้จัดรายการโทรทัศน์ของยูเครนได้กล่าวถึงอ้างอาชญากรสงครามของนาซีเยอรมัน  อดอล์ฟ ไอค์มันน์ เรียกร้องให้มีการกำจัดชาวรัสเซียทั้งหมด รวมทั้งเด็ก และคำพูดอาฆาตเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลและตื่นตระหนกอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่พลเรือนชาวรัสเซียจำนวนมาก ที่อาศัยอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน

แม้แต่นายแพทย์ซึ่งถือเป็นวิชาชีพมีเกียรติและมีคุณูปการช่วยชีวิตมนุษย์กลับประกาศออกสื่อว่า ต้องตอนทหารรัสเซียให้หมดจะได้หมดเชื้อชาติ แต่วันรุ่งขึ้นแสร้งมาขอโทษพลั้งปากไป แต่ดูจากที่ทหารยูเครนประจานเชลยรัสเซีย ไม่ต่างจากที่สหรัฐทำกับนักโทษอาหรับที่คุกกวนตานาโม?

ภายในขบวนการต่อต้านรัสเซียที่กำลังเติบโตนี้ พบว่านักการเมืองตะวันตก บุคคลในวงการสื่อ และผู้มีอิทธิพลทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเชิดชู “สิทธิมนุษยชน” และ “การต่อต้านความรุนแรง” กลับเข้าร่วมในความเกลียดชัง ล้วนแต่เต็มไปด้วยการโจมตีส่วนตัวและการข่มขู่อย่างรุนแรง 

องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนของตะวันตก,NGO) และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรายใหญ่ที่อ้างว่าไม่ยอมรับคำพูดแสดงความเกลียดชัง แสดงการสนับสนุนคำพูดแสดงความเกลียดชังที่รุนแรงต่อชาวรัสเซีย อย่างโจ่งแจ้ง

วันรุ่งขึ้นหลังจากออกอากาศ ชาราฟมันได้ขอโทษสั้น ๆในรายการอย่างเสียไม่ได้ ในช่วงเวลานั้นพิธีกรหญิงก็หัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้ คำขอโทษอย่างไม่เต็มใจของชาราฟมัลได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ชาวเน็ต บน Twitter 

หนังสือพิมพ์คอมโซมอลสกายา ปราฟดา ซึ่งมีฐานอยู่ในมอสโกว์ อธิบายว่าชาราฟมัลเป็น “พวกที่คลั่งไคล้ความรุนแรง” การกระทำของเขาผิดกฎหมายยูเครนเกี่ยวกับการไม่อนุญาตการโฆษณาชวนเชื่อของลัทธิหัวรุนแรง

กองกำลังต่อต้านรัสเซียของตะวันตกจำนวนมากไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อสำนวนโวหารที่รุนแรงต่อรัสเซียที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังมีส่วนทำให้เกิดกระแสความคิดเห็นและการโฆษณาชวนเชื่อของสาธารณชนอีกด้วย

ในเดือนกุมภาพันธ์ เอริค สะวัลวี(Eric Swalwe) ตัวแทนของสหรัฐฯ กล่าวในห้องข่าว CNN ว่าควรขับไล่นักศึกษาชาวรัสเซียออกจากมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน

รูเบน กัลเลโก ส.ส.อีกคนของสหรัฐฯ กล่าวในทวิตเตอร์ว่าชาวรัสเซียที่กำลังศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ เป็นลูกชาวรัสเซียที่ร่ำรวยที่สุด ชาวโลกรัสเซียเราควรไล่พวกเขากลับบ้าน

ความหยาบคายของการเหยียดเชื้อชาติปรากฏชัดในข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้คนและสถาบันจำนวนมากประณามและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลรัสเซียอย่างเผ็ดร้อน ทั้งนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อทางออนไลน์เพื่อต่อต้านรัสเซียและประชาชนรัสเซีย ด้วยการล้างสมองและใช้ประโยชน์จากผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย 

ตามรายงานของสื่อของสหรัฐฯ ทำเนียบขาวได้เป็นเจ้าภาพในการส่ง TikTok Star 30 ดวงในการพูดคุยผ่าน Zoom เมื่อต้นเดือนนี้ โดยกล่าวถึงเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ นโยบาย และจุดยืนของสหรัฐฯ เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ผู้มีอิทธิพลหลายคนกล่าวว่าพวกเขารู้สึกว่า มีอำนาจมากขึ้นในการหักล้างข้อมูลจากฝั่งรัสเซียและสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับวิกฤต

นอกจากนี้ ทั้ง Meta platform, Facebook, Instragram ต่างก็เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ด่าทอ ข่มขู่สังหารคนรัสเซียไดัอย่างเสรีโดยปิดกั้นข่าวสารจากฝั่งรัสเซียอย่างเด็ดขาด  สวนทางการโฆษณามาตรการต่อต้าน Hatespeechอย่างโจ่งแจ้ง

จาง เฉิงจุน ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ปักกิ่ง(Zhang Shengjun, a professor of international relations at Beijing Normal University) ได้รณรงค์ หยุดเผยแพร่วาจาสร้างความเกลียดชังต่อชาวรัสเซียและการคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกโดยสิ้นเชิง เขากล่าวว่า โรคคลั่งเกลียดกลัวรัสเซียของสหรัฐและตะวันตก ทุกวันนี้ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ความคิดที่แตกต่างกัน  “พฤติกรรมที่สนับสนุนความเกลียดชังต่อคนบางกลุ่มอาจนำไปสู่หายนะด้านมนุษยธรรม มันเป็นความอัปยศแห่งยุคสมัย”