ทหารถกลับ บัญชีดำ! ผบ.ทสส.สั่งจับตาพิเศษ “กลุ่ม-ม็อบหัวรุนแรง” เตรียมวางแผน ป่วนเอเปก!?
ในวันที่ 15 มีนาคม 2565 กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)
โดยมี พลเรือเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ หอประชุมกองทัพเรือ
การประชุมฯ ในครั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลที่สำคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการกองทัพไทย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้จัดเตรียมกำลังเพื่อรองรับภารกิจการต่อต้านการก่อการร้ายและการก่อเหตุร้ายภายในประเทศ
โดยผนึกกำลังร่วมกับกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่ในภาวะปกติ โดยมีการป้องกัน รับมือ และลดผลกระทบจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ
ขณะที่แหล่งข่าวจาก ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมรอบแรกร่วมกับหน่วยข่าวกรองทางทหาร สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อรองรับประชุมเอเปก 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะการประชุมย่อยตลอดปี 2565 โดยเฉพาะการมาเยือนผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ ช่วงเดือน พ.ย.2565 นี้
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้นำรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายทุกกลุ่มที่เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศสมาชิกเอเปก ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา รัสเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ ฮ่องกง นิวซีแลนด์ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย จีนไทเป (ไต้หวัน) ชิลี เม็กซิโก ปาปัวนิวกินี เปรู และเวียดนาม
พร้อมประสานงานกับเครือข่ายข้อมูลก่อการร้ายในภูมิภาคอาเซียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคนที่มีแนวคิดหัวรุนแรง กลุ่ม Lone Wolf (ก่อเหตุคนเดียว หัวรุนแรง) ที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน
ในขณะที่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้จับตาบุคคลที่มีประวัติ และกลุ่มที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หลังปีที่แล้วมีการปล่อยนักโทษมุสลิม ทั้ง มาเลเซีย , อินโดนีเซีย , ฟิลิปปินส์ ที่ถูกสหรัฐฯควบคุมตัวไว้ที่ อัฟกานิสสถาน กลับประเทศเมื่อปี 2564
“ตอนนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย หรือสิ่งบ่งชี้ว่าจะมีการก่อเหตุ แต่ห่วงความเคลื่อนไหวการชุมนุมทางการเมืองของไทย และจากการสอบถามไปยัง 21 เขตเศรษฐกิจ ทุกประเทศ ยืนยันตรงกันว่าไม่มีข้อกังวล หรือ ประเด็นอะไร ที่จะให้ทางการไทยดูแลหรือเข้มงวดเป็นพิเศษ
ขณะที่ระบบการรักษาความปลอดภัยของ ศรภ.ยืนยันว่าเกิน 100 % ทั้งดูแลบุคคลสำคัญ สถานที่จัดงาน งานด้านการข่าว เพราะเป็นภารกิจระดับชาติ ถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ” แหล่งข่าว ศรภ. กล่าว