สีจิ้นผิงชูเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น!?! ศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นสูง นำร่องเศรษฐกิจดิจิทัลเชื่อมโลก

1550

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวสุนทรพจน์ในระหว่างการเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีแห่งการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น (SEZ) ในวันที่ 14 ต.ค.2563 โดยปธน.สีจะกล่าววิสัยทัศน์เกี่ยวกับความสำคัญของเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น และเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) ในฐานะแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และการนำฮ่องกงกลับคืนสู่แนวทางการกำกับดูแลของจีนแผ่นดินใหญ่อย่างจริงจัง ขณะที่ชูบทบาทเมืองแห่งเทคโนโลยีชั้นสูงของโลกและ ศูนย์กลางการเงินดิจิทัลแห่งแรกเชื่อมโยงเศรษฐกิจยุคใหม่ทั่วโลก

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และเลขาธิการใหญ่ คณะกรรมการกลาง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง ได้กล่าวสุนทรพจน์แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น หรือ SEZ ตลอดจนบทบาทของ GBA:Greater Bay Area ที่ผนึกกันเป็นหัวหอกพัฒนาเศรษฐกิจจีน ตามแผนการปฏิรูปและเปิดกว้างสู่ต่างประเทศ ตามยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ, หนึ่งเส้นทาง”

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เป็นการประกาศแผนเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนได้มากกว่าเดิม ซึ่งจะมุ่งเน้นที่เมืองเซินเจิ้นและพุ่งเป้าไปที่ภาคเทคโนโลยีระดับสูง นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการประกาศผ่อนปรนข้อกำหนดด้านอุตสาหกรรมพลังงานและโทรคมนาคมด้วย ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาดูอย่างสนใจ

GBA-กลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน

โครงการอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือ Guangdong -Hongkong-Macao Geater Bay Area) หรือบางทีเรียกว่า “สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไข่มุก” เป็นหนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์ตามแนวคิด “หนึ่งแถบ,หนึ่งเส้นทาง” ( One Belt, One Road) ของจีน ที่ได้ดำเนินงานตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี ฉบับที่ 13 ของจีน โครงการดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจีนตอนใต้คือ มณฑลกวางตุ้ง เขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า

โดยในเขตมณฑลกวางตุ้งครอบคลุม 9 พื้นที่ได้แก่ นครกว่างโจว เมืองเซินเจิ้น เมืองจูไห่ เมืองฝอซานเมืองหุ้ยโจว เมืองตงกวน เมืองจงซาน เมืองเจียงเหมินและเมืองจ้าวชิ่ง

กรอบข้อตกลงว่าด้วยการส่งเสริมการสร้างเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกงมาเก๊าและความร่วมมือเชิงลึกมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้เกิดขึ้นในจีนตอนใต้และยกระดับขีดความสามารถของเศรษฐกิจภาพรวมของจีน ผ่านโครงการความร่วมมือเชิงลึกในระดับภูมิภาคและนานาชาติ ผลักดันบทบาทการเป็นผู้นำในทุก ๆ ด้านให้กับมณฑลกวางตุ้ง ฮ่องกงและมาเก๊า มีระยะเวลาการดำเนินงานทั้งสิ้น 5 ปี

โดยระหว่างนี้ทั้ง 4 ฝ่ายประกอบด้วยคณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฎิรูปแห่งชาติ รัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าจะร่วมจัดการประชุมเพื่อร่วมกำหนดยุทธศาสตร์โครงการ ติดตามผลงาน และแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวอาศัยความได้เปรียบจากอุตสาหกรรมของแต่ละพื้นที่ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตของมณฑลกวางตุ้ง อุตสาหกรรมการเงินและโลจิสติกส์ของฮ่องกงและอุตสาหกรรมบริการของมาเก๊า ซึ่งโครงการอ่าวฯ จะเป็นโครงการที่เชื่อมพื้นที่ทั้ง 3 เข้าด้วยกัน โดยแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความได้เปรียบในแต่ละด้านระหว่างกัน โดยมีรัฐบาลกลางเป็นหน่วยงานเชื่อมและสนับสนุน โครงการฯ

เปิดม่านเซินเจิ้นสู่โลกกว้าง

วันที่ 11 ตุลาคม รัฐบาลจีนประกาศแผนดำเนินโครงการปฏิรูปสร้างเขตสาธิตนำร่องที่มีเอกลักษณ์พิเศษของสังคมนิยมจีน ระหว่างปี 2020 – 2025 โดยให้เซินเจิ้นมีอิสระมากขึ้นในการปฏิรูปประเด็นและขั้นตอนสำคัญ สนับสนุนเซินเจิ้นส่งเสริมการปฏิรูปบนพื้นฐานที่มีระดับจุดเริ่มต้นและเป้าหมายที่สูงขึ้น นำร่องปรับปรุงระบบด้านต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตั้งระบบการพัฒนาที่มีคุณภาพ  ส่งเสริมระบบกำกับดูแลและความสามารถในการกำกับดูแลให้ทันสมัย เร่งรัดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ที่มีการปฏิรูปอย่างรอบด้านและลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงขยายการเปิดประเทศให้กว้างขึ้น 

เช้าวันที่ 14 ตุลาคม นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเข้าร่วมการประชุมเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี แห่งการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น และกล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญ

นักวิเคราะห์มองว่า เมืองเซินเจิ้นมีภารกิจสำคัญครั้งใหม่ในวาระครบรอบ  40 ปี แห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศ พร้อมกับการถ่ายทอดข้อความสำคัญของจีนที่จะยืนหยัดปฏิรูปและเปิดกว้างนับตั้งแต่นายสี จิ้นผิง เป็นผู้นำสูงสุดของจีน เขาเคยเยือนเมืองเซินเจิ้น 2 ครั้ง ทุกครั้งเขาได้ถ่ายทอดให้โลกเห็นถึงการยืนหยัดของจีนในการปฏิรูปและเปิดประเทศ

สี จิ้นผิง เดินทางไปเมืองเซินเจิ้นในวาระครบรอบ 40 ปี แห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน พร้อมกับกล่าวด้วยความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการปฏิรูปและเปิดประเทศว่า “หลังการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีน ครั้งที่ 18 จุดหมายแรกของการลงพื้นที่ของเขา คือ เมืองเซินเจิ้น ในวาระครบรอบ 40 ปี แห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศ เขามาเยือนเมืองเซินเจิ้นก็เพื่อให้ทั่วโลกรู้ว่า จีนจะไม่หยุดปฏิรูปและเปิดประเทศ จีนย่อมจะมีสิ่งมหัศจรรย์ใหม่อันยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกประหลาดใจอย่างแน่นอน”

 

ขณะเดียวกัน ทั่วโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบศตวรรษ ลัทธิฝ่ายเดียวและลัทธิกีดกันการค้ากำลังฟื้นตัวขึ้น โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจกำลังเผชิญความท้าทาย ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิค-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอยลงอย่างรุนแรง การพัฒนาของจีนอยู่ในสภาวะที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสลับซับซ้อน   เมื่อยืนอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ การปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนจะเดินไปในทิศทางใด จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก

เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาปธน.สี จิ้นผิง ย้ำหลายครั้งว่า ต้องผลักดันรูปแบบการพัฒนาใหม่ที่ถือการหมุนเวียนภายในประเทศเป็นหลัก พร้อมกับส่งเสริมการหมุนเวียนคู่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งแสดงให้โลกเห็นว่า จีนไม่เพียงแต่ไม่แยกตัวออกจากโลก หากยังจะส่งเสริมโลกาภิวัตน์อย่างต่อเนื่อง  ตลอดจนประสานการพัฒนาและความมั่นคงของการเปิดประเทศในระดับที่สูงขึ้นด้วย 

40 ปีแห่งการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น 

ปี 2020 เป็นปีที่ 40 ในแผนสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น ตลอด 40 ปีที่ผ่านมานี้ เมืองเซินเจิ้นได้พัฒนาจากหมู่บ้านประมงเล็กๆ เป็นเมืองสากลที่มีนวัตกรรมทันสมัย การประดิษฐ์คิดค้น และเทคโนโลยีชั้นสูง  เป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางการเงิน และศูนย์กลางการนวัฒกรรมใหม่แห่งสำคัญของจีน

 -ต้นทศวรรษ 1980 เขตอุตสาหกรรมเสอโข่ว เมืองเซินเจิ้น กำลังก่อสร้างอยู่ นับเป็นเขตบุกเบิกพัฒนาเศรษฐกิจที่เปิดสู่ภายนอกแห่งแรกของจีน

-เขตเสอโข่วของเมืองเซินเจิ้นในปัจจุบัน เป็นเขตเมืองใหม่ริมชายทะเลที่มีความสากลทันสมัย

-ทศวรรษ 1990 เมืองเซินเจิ้นเริ่มเข้าสู่ช่วงพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งเมือง

-เขตซีบีดีของเมืองเซินเจิ้นในปัจจุบัน อาคารศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศของบริษัทผิงอัน มีความสูง 599.1 เมตร เป็นแลนด์มาร์คใหม่ในเมือง

-ค.ศ. 1991 มีการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ในเมืองเซินเจิ้น จึงเกิดกระแสนิยมการเล่นหุ้น

-ปัจจุบัน เมืองเซินเจิ้นเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีความหลากหลายด้านเงินทุนในหลายระดับ จนถึง

มิถุนายน ปี 2020 เมืองเซินเจิ้นมีบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์รวม 310 แห่ง มูลค่าตลาดรวมแล้วมากถึง 7.59 ล้านล้านหยวน  ซอยจงอิงในเขตซาโถวเจี่ยวเมื่อทศวรรษ 1980 เป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในเมืองเซินเจิ้น ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้ง ซอยจงอิงในปัจจุบันไม่มีความคึกคักเหมือนแต่ก่อน  แต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยมาตามหาร่องรอยประวัติศาสตร์