Truthforyou

เอเชียระอุ!!ออสซี่ท้าทายจีน จ่อเปิดฐานทัพเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ประกาศไว้ต้อนรับเรือดำน้ำสหรัฐ-อังกฤษประจำ

ท่ามกลางวิกฤตสงครามยูเครนยังไม่สงบ กลุ่มพันธมิตรออคัส หนึ่งในพันธมิตรต้านจีนของสหรัฐได้เคลื่อนไหวในย่านเอเชียแปซิฟิกอย่างคึกคัก ออสเตรเลียได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับโครงการสร้างฐานทัพเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ซึ่งจะเป็นโครงการสร้างฐานทัพด้วยงบประมาณมหาศาลครั้งแรกในรอบ 30 ปี ของแดนออสซี่เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565ที่ผ่านมา พร้อมยั่วยุและท้าทายจีนว่า จะเป็นฐานทัพที่คอยต้อนรับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของสหรัฐและอังกฤษเป็นประจำ

วันที่ 11 มี.ค.2565 สำนักข่าวโกลบัลไทม์เผยแพร่บทความ รายงานความเคลื่อนไหวเปิดฐานทัพเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของ ประเทศออสเตรเลียซึ่งกลายเป็นคู่ปรับกับจีนอย่างออกนอกหน้า ในนามกลุ่มพันธมิตร ออคัส(AUKUS) 

ผู้เชี่ยวชาญทางทหารในกรุงปักกิ่ง ซึ่งขอไม่เปิดผยนาม มองว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากว่า ฐานทัพเรือแห่งใหม่นี้จะถูกประเดิมการใช้งาน โดยกองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกา มิใช่กองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของออสเตรเลียเอง ซึ่งจะเริ่มสร้างเป็นลำแรก ภายใต้สนธิสัญญาออกัส (AUKUS ) เพราะเมื่อดูตามรายงานข่าว เรือของออสเตรเลียกว่าจะสร้างเสร็จและปล่อยลงน้ำได้ก็ในปี 2581 หรืออีก 16 ปีข้างหน้าโน่น

เขาเตือนว่า ฐานทัพเรือแห่งใหม่นี้อาจเป็นภัยคุกคามต่อจีนได้ จีนจึงควรเพิ่มการเฝ้าระวังและเร่งเสริมสร้างเขี้ยวเล็บป้องกันทางทะเลให้แหลมคมยิ่งขึ้น

 

ตามรายงานของสื่อออสซี่นั้น นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ระบุว่า ฐานทัพเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์จะสร้างขึ้นบนชายฝั่งตะวันออกของประเทศ

มอร์ริสันกล่าวว่า“ฐานทัพเรือแห่งนี้ยังจะทำให้เรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐฯและอังกฤษเดินทางมาเยือนได้เป็นประจำอีกด้วย” 

เขาระบุว่า อาจต้องใช้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 241,800 ล้านบาท) ในการสร้างฐานทัพ ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกและการบำรุงรักษา สำหรับกองเรือดำน้ำ ที่เปลี่ยนจากเรือดำน้ำชั้นคอลลินส์ ซึ่งเป็นแบบธรรมดา มาเป็นเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ยังอ้างถึงผลกระทบของวิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครนว่า จะขยายมาถึงภูมิภาคอินโด-แปซิฟก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทางทหารอีกคนคือนาย จาง จวินเซ่อ นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบันวิจัยกองทัพเรือ ซึ่งอยู่ในสังกัดของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน มีความเห็นว่า ผลกระทบ ที่นายมอร์ริสันพูดถึงนี้ เป็นเพียงข้อแก้ตัว เพื่อพยายามปกป้องแผนการป้องกันประเทศเชิงรุกของออสเตรเลียก็เท่านั้นเอง

เขาชี้ว่า แท้ที่จริงแล้วแผนการสร้างฐานทัพเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ดำเนินไปด้วยจุดประสงค์เดียวกันกับที่ออสเตรเลียเข้าร่วมสนธิสัญญาออคัส ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านความมั่นคงฉบับใหม่ระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย เนื่องจากออสเตรเลียมีความมุ่งมั่นในการร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อทำให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าโลกและแทรกแซงกิจการต่าง ๆ ในภูมิภาค รวมทั้งร่วมมือกันในแผนยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิก” เพื่อล้อมกรอบจีน

นายจางยังระบุว่า ข้อตกลงการสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ภายใต้สนธิสัญญาออกัส ถูกชาติเพื่อนบ้านของออสเตรเลีย และนักรณรงค์การปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลกรุมจวกยับ โดยหลายชาติ เช่น อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แสดงความวิตกว่า สนธิสัญญาฉบับนี้อาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดการแข่งขันสะสมอาวุธนิวเคลียร์และบ่อนทำลายสันติภาพในภูมิภาคได้

ด้านผู้เชี่ยวชาญทางทหารในปักกิ่ง ซึ่งไม่เปิดเผยนามคนดังกล่าว ยังเตือนด้วยว่า เมื่อฐานทัพเรือแห่งนี้สร้างเสร็จ ก็จะมีการเคลื่อนกำลังเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์กันอย่างคึกคัก ทั้งของสหรัฐ, สหราชอาณาจักร และของออสเตรเลีย เรียกได้ว่า ภัยคุกคามขยับแทบจ่อคอหอยพญามังกรแน่นอน

นักวิเคราะห์นิรนามผู้นี้กล่าวทิ้งท้ายว่า “บางที ในกรอบการทำงานของออคัสทั้งหมด กองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของออสเตรเลียอาจมีบทบาทความสำคัญน้อยกว่าตัวของฐานทัพเรือ เพราะการมีฐานทัพเรือจะทำให้กองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของสหรัฐฯมีตำแหน่งที่มั่นคงใกล้กับจีนมากขึ้น และเสี่ยงถูกโจมตีนอกเขตน้อยลงนั่นเอง”

Exit mobile version