จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 65 ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน นักกิจกรรมหญิง อายุ 20 ปี ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลังจากศาลอาญาอนุญาตให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราว วางเงินประกัน 100,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ พร้อมเงื่อนไข “ติดกำไล EM” และห้ามทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกันอีก หรือร่วมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย และหรือกระทำการใดที่จะทำให้เสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์
โดยก่อนหน้านี้ ทานตะวัน แกนนำที่อยู่ในกลุ่มมังกรปฏิวัติ หรือแกนนำทะลุวัง ได้ถูกแจ้งข้อหาข้อหาคดีมาตรา 112 หรือหมิ่นประมาณกษัตริย์ฯ จากกรณี “ยืนไลฟ์สดเฝ้ารับขบวนเสด็จ” และคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(2) และ 14(3) เพิ่มเติมจากข้อกล่าวหาต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน (มาตรา 138) และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน (มาตรา 368) จาก สน.นางเลิ้ง โดยตะวันถูกนำตัวมาฝากขังที่ บช.ปส. (สโมสรตำรวจ วิภาวดี) เป็นเวลา 2 คืน หรือตั้งแต่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ได้มีการออกมาแฉข้อมูลจากสมาชิกกลุ่ม 3 นิ้ว ถึงส.ส.เจี๊ยบ ก้าวไกล ที่ไม่ยอมออกมาช่วยเหลือทานตะวัน แต่มีการโพสต์ภาพลงโลกโซเชียลต่อเนื่อง จนกลุ่ม 3 นิ้วบอกว่า โทรไปแล้วไม่มีการรับสาย และเมื่อมีคนไปสอบถามว่า ทำไมถึงไม่ช่วย ส.ส.คนดังกล่าว ได้บอกว่า มีกองทุนราษฎรประสงค์จะช่วยเหลืออยู่แล้ว
ขณะที่วานนี้ (10 มี.ค.) มีความคืบหน้าเพิ่มเติม ภายหลังพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน นำตัวนักกิจกรรม 5 คน ไปส่งศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขออำนาจศาลฝากขังครั้งที่ 1 และนักกิจกรรมที่เป็นเยาวชน 1 คนไปส่งที่ ศาลครอบครัวและเยาวชนกลาง กรณีโพลขบวนเสด็จเนื่องจากต้องสอบพยาน 10 ปาก รอผลตรวจประวัติอาชญากรรรม
โดยทั้งหมดถูกเเจ้งข้อหา หมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ข้อหา ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 และข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368
ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังตั้งแต่ 10-21 มี.ค. ต่อมาทีมทนายยื่นไต่สวนคัดค้านการฝากขัง และบนทวิตเตอร์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ว่า ศาลครอบครัวและเยาวชนกลาง อนุญาตประกันตัว เยาวชนอายุ 14 ปี วางหลักทรัพย์ 20,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไข
ขณะที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุญาตประกันตัว ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน โดยใช้หลักทรัพย์ คนละ 200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขการประกันตัว ห้ามทำกิจกรรมเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ , ห้ามโพสต์เชิญชวน ปลุกปั่น ยั่วยุ ชักจูงประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือร่วมชุมนุมที่อาจก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง,ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล,ให้ติดอุปกรณ์กำไล (EM)
ทำให้น่าจับตามองว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ก๊วนทะลุวังโดนลงโทษหนัก แม้จะไม่ถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำ แต่เงื่อนไขเข้มงวดมาก หากทำผิดอีกครั้ง อาจจะไม่มีข้ออ้าง และต้องถูกคุมตัวเข้าเรือนจำทันที และน่าติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยว่า งานนี้แกนนำทะลุวังยังจะกล้าเสี่ยงออกไปขวางขบวนเสด็จ หรือชูป้ายหน้าห้างอีกหรือไม่ เพราะไม่มีนักการเมืองคอยหนุนหลังเหมือนแกนนำราษฎร และยังมีเงื่อนไขเข้มงวด ที่พร้อมจะจัดการเด็ดขาดด้วย
