นับเป็นเวลาเกือบสองสัปดาห์แล้ว สำหรับสการณ์วิกฤติของรัสเซียและยูเครน ที่นักวิชาการได้มองหลาย ๆ มุมว่า สงครามครั้งนี้จะจบลงได้นั้น มีทั้งรัสเซียยอมถอย และยูเครนต้องยอมแพ้ แต่จะไม่นำไปสู่ชนวนบานปลายถึงสงครามโลก แม้ว่าการยืดยื้อครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อชาวโลกอย่างหนัก ในแง่ของเศรษฐกิจก็ตาม
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวในประเทศไทย ที่มีนักการเมือง ออกมาแสดงความเห็น ให้รัฐบาลไทยเป็นกลาง แต่กลับปลุกระดมให้คนไทยไปสมัครร่วมรบกับยูเครน เพื่อแลกกับสวัสดิการต่าง ๆ โดยพรรคการเมืองนี้ กลับเป็นพรรคเดียวกันที่เรียกร้องยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลดงบกองทัพ และมีการพาดพิงว่ากองทัพไม่ทันสมัย รวมไปถึงการตั้งคำถามของกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ที่มักจะชอบวิจารณ์ว่า ทหารมีไว้ทำไม
ล่าสุดในเฟซบุ๊กจัตุรงค์ เสริมสุข ได้เผยแพร่บทความของ พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม ที่ระบุว่า “ฝากไว้ให้ได้รู้..เมื่อปี 2527 ผมปฏิบัติหน้าที่อรัญประเทศ สระแก้ว ในห้วงกัมพูชาแบ่งเป็น 3 ฝ่าย เวียดนามมีอิทธิพลเหนือกัมพูชา เพราะกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเริ่มยึดพื้นที่ได้มากขึ้น
เห็นชาวกัมพูชาอพยพ หนีสงครามเข้าไทย ในสภาพอุ้มลูกจูงหลาน จูงสัตว์ หลายคนให้พ่อแม่ที่แก่ชราขี่หลัง เป็นสภาพที่น่ารันทดยิ่งนัก ชาวกัมพูชาที่อพยพถูกฝ่ายไทย ผลักดัน ให้เดินไปตามแนวคูยุทธวิธี(ไม่มีน้ำ) ตามแนวชายแดนในเขตไทย เพื่อไปยังศูนย์อพยพ
คูยุทธวิธีนี้ขุดไว้เพื่อเป็นเครื่องกีดขวางป้องกันการรุกด้วยรถถัง ซึ่งเวียดนามเคลื่อนย้ายมาไว้ในกัมพูชาจำนวนมาก และมีแผนจะรุกต่อเข้ายึดประเทศไทยตามทฤษฎีโดมีโน ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าไทยคงไม่รอดจากการรุกรานของเวียดนาม เพราะใช้เวลาไม่เกิน 6 ชม.รถถังของเวียดนามจากชายแดนด้านอรัญประเทศ ก็สามารถบุกถึงกรุงเทพ เมืองหลวงของไทย
แต่ด้วยการดำเนินนโยบายการสร้างความสัมพันธ์ทั้งการเมืองและการทหารที่ดีกับจีน ทำให้ไทยรอดพ้นจากเงื้อมมือของเวียดนาม (ขีดความสามารถของอาวุธ เวียดนามสูงกว่าไทยมาก) ซึ่งเป็นความสามารถอันล้ำลึกของบรรพบุรุษไทย เหตุการณ์ที่ยกมารำลึกในวันนี้ เพื่อต้องการให้ลูกหลานที่เกิดไม่ทันเหตุการณ์ ได้รับทราบ ถึงการดำรงสถานะของไทยว่าเป็นอย่างไรในยามสถานการณ์คับขัน
อย่าเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องมีทหาร เมื่อคราวจำเป็นแล้วหากไม่มีกำลังทหารที่เข้มแข็ง ไทยก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของประเทศซึ่งมีกำลังทหารที่เข้มแข็งกว่า เพราะกำลังทหารไม่สามารถสร้างให้เข้มแข็งได้ในเวลาอันรวดเร็ว จำเป็นต้องใช้เวลา ฝึกทั้งร่างกาย จิตใจให้เข้มแข็ง และทักษะ การรบให้ชำนาญ จึงจะปฏิบัติการรบได้
จึงอยากให้ลูกหลาน ดูเหตุการณ์ที่กัมพูชาแตก และสงครามที่ยูเครนไว้เป็นอุทธาหรณ์ ว่าเราต้องการให้ไทยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ประชาชน มีความยากลำบากและชีวิตที่รันทดเข่นนั้นหรือไม่
#อย่าชักศึกเข้าบ้าน #อย่าดูถูกบรรพบุรษไทย ที่รักษาบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม”