ทีใครทีมัน!!มาดูโรยื่นคำขาดไบเดน หยุดคว่ำบาตรเวเนฯทุกเงื่อนไข หลังมาขอซื้อน้ำมันชดเชยแซงก์ชั่นรัสเซีย

1597

สร้างความประหลาดใจแก่ชาวโลกอย่างมาก เมื่ออยู่ๆปรากฏข่าวสหรัฐฯส่งจนท.ระดับสูงบินเข้าพบปธน.มาดูโรแห่งเวเนซูเอลา แอบเจรจาคลายคว่ำบาตรน้ำมัน เนื่องจากแซงก์ชั่นน้ำมันรัสเซียจากสงครามยูเครนทำให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มทั่วประเทศสหรัฐพุ่งกระฉูดผลักดันเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี ปฏิบัติการครั้งนี้ดูเหมือนจะยังไม่สำเร็จเพราะไม่อาจให้คำตอบต่อปธน.มาดูโรที่ร้องขอให้หยุดการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลาทุกเงื่อนไข แต่ได้อานิสงส์ปล่อยตัว 2 อเมริกันชนเชื้อสายละตินเป็นอิสระจากคุกคาราคัสซึ่งถูกจับในฐานะสปาย

วันที่ 9 มี.ค.2565 สำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์รายงานว่า ทำเนียบขาวแถลงว่า ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือพลเมืองสหรัฐฯ 2 คน ที่อยู่ในเรือนจำกรุงคาราคัส ออกมาได้คือ กุสตาโว คาร์เดนาส (Gustavo Cardenas) และอีกคนที่เพิ่งถูกจับกุมเมื่อปีที่แล้วคือ ฮอร์เก เฟอร์นานเดซ (Jorge Fernandez)

เป็นการเดินทางของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวไปยังเวเนซุเอลาเกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี เป็นการเดินทางแบบปิดลับของสหรัฐฯแต่เหมือนเคยสื่อรู้กันไปทั่ว

การปล่อยตัวเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ส่งสัญญาณแสดงความสนใจในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกำลังยุ่งกับสงครามยูเครน การคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียของสหรัฐฯส่งผลให้ราคาพลังงานทั่วโลกถีบตัวสูงขึ้น และเป็นราคาเสรีภาพที่ประชาชนโลกตะวันตกรวมไปถึงในสหรัฐฯ ต้องยอมจ่าย เรื่องนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯโจ ไบเดน ถึงจะรู้ถึงวิกฤตราคาพลังงานในประเทศพุ่งสูงแต่ยังคงเดินหน้าประกาศยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และมั่นใจว่าจะได้เชื้อเพลิงจากตะวันออกกลาง และเวเนซูเอลามาแทนที่

ข้อมูลราคาน้ำมันจาก AAA ของสหรัฐฯ พบว่า ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยในสหรัฐฯ ล่าสุดแตะที่ 4.17 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ทำลายสถิติเมื่อกรกฎาคมปี 2018 ที่ 4.11 ดอลลาร์ และนักวิเคราะห์ต่างออกมาเตือนผู้บริโภคอเมริกันที่ใช้รถในการเดินทางเกือบ 100% ทั้งประเทศว่า ความเลวร้ายขั้นสาหัสกำลังจะตามมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหากว่าความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์ทางการเมืองระหว่างรัสเซียและโลกตะวันตกถูกยกระดับเพิ่มขึ้น

สำหรับผู้บริโภคอเมริกันที่อาศัยอยู่ในรัฐที่เก็บภาษีสูง กำลังเผชิญหน้ากับค่าใช้จ่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างพรวดพราด รัฐแคลิฟอร์เนียเผชิญกับอัตราราคาน้ำมันสูงสุดโดยเฉลี่ยทั่วทั้งรัฐเป็นราคาน่าสุดสะพรึง 

อ้างอิงจากราคาน้ำมันปั้มเชฟรอนที่ลอสแองเจลิส พบว่า ราคาน้ำมันสูตรปกติ 87 อยู่ที่ 6.95 ดอลลาร์ สูตรพลัส 89 อยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์ สูตรสุพรีม 94 อยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์ และน้ำมันดีเซลหมายเลข 2 อยู่ที่ 6.99 ดอลลาร์ และพบว่ามีบางปั๊มที่ถนนเบรเวอรีฮิล ราคาเกิน 7 ดอลลาร์ต่อแกลลอนไปเป็นที่เรียบร้อย สถานีโทรทัศน์ในสหรัฐฯ ต่างรายงานสถานการณ์ราคาน้ำมันที่หน้าปั๊มอย่างคึกคัก และมีบางส่วนได้ออกไปสัมภาษณ์กับนักขับที่มีบางส่วนกล่าวแสดงความเห็นว่า จะหันไปใช้บริการทางสาธารณะเป็นต้นว่า รถบัส หรือรถไฟใต้ดินแทน

แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ทีมทำเนียบขาวของไบเดน เดินทางไปเวเนซุเอลาในวันเสาร์ (5) เพื่อเป้าหมายต้องการเจรจาการผ่อนคลายการคว่ำบาตรพลังงานกับเวเนซุเอลา และให้คาราคัสส่งน้ำมันโดยตรงมายังสหรัฐฯ

พบว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้เวเนซุเอลาจัดส่งอย่างน้อยส่วนหนึ่งของน้ำมันเพื่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่จะถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงใดๆ ต่อการผ่อนคลายการคว่ำบาตรทางการค้าน้ำมันต่อเวเนซุเอลาที่เป็นชาติสมาชิก OPEC อ้างอิงจากแหล่งข่าวใกล้ชิด 2 คน

ในเวลานี้พบว่านักการทูตสหรัฐฯ กำลังหัวหมุนในการค้นหาแหล่งพลังงานทั่วโลกที่จะสามารถเยียวยาต่อผลกระทบจากการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรัสเซียได้ มีรายงานว่า ทีมทำเนียบขาวเข้าพบกับประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ในกรุงคาราคัสในวันเสาร์ (5) ถือเป็นการเจรจาระดับทวิภาคีครั้งแรกในรอบหลายปี ซึ่งเวเนซุเอลาอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2019 ในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และจะสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันดิบได้อีกครั้งหากว่ามาตรการเหล่านี้ถูกผ่อนคลายลง

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยว่าในการเจราครั้งนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ชี้ว่า มาตรการผ่อนคลายสหรัฐฯใดๆที่จะเกิดขึ้น อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เวเนซุเอลาต้องส่งน้ำมันโดยตรงไปยังสหรัฐฯ ทั้งนี้หากว่าวอชิงตันตัดสินใจผ่อนคลายการคว่ำบาตรเวเนฯจริง บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ เชฟรอน จะสามารถกลับมาฟื้นการผลิตได้บางส่วนในเวเนซุเอลา และกลับมาเริ่มส่งออกของตัวเองและโรงกลั่นอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ชายฝั่งสหรัฐฯ ด้านติดกับอ่าวเม็กซิโกเพื่อแทนที่การนำเข้าน้ำมันรัสเซีย 

การเจรจาช่วงสุดสัปดาห์ที่ว่านี้มีความก้าวหน้าเกิดขึ้นเล็กน้อยแต่ถือเป็นความพยายามครั้งใหม่จากวอชิงตัน ที่พยายามที่จะดึงมาดูโร ให้ห่างจากพันธมิตรปธน.วลาดิมีร์ ปูติน และมีการตกลงในการหารือเพิ่มเติมในอนาคตระหว่าง 2 ฝ่าย

ซึ่งนอกเหนือจากการเจรจาเกี่ยวกับการซื้อขายพลังงานซึ่งเป็นหัวข้อหลัก ยังพบว่าฝ่ายสหรัฐฯ กดดันเวเนซุเอลาให้เปิดการเลือกตั้งเสรี และปล่อยตัวนักโทษอเมริกันในเรือนจำให้เป็นอิสระ ขณะที่ประธานาธิบดีมาดูโร เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาอย่างไม่มีเงื่อนไข  สรุปคุยกันครั้งนี้มาดูโรตอบสนองเพียงข้อเดียว