ถอดบทเรียน “สงครามยูเครน-รัสเซีย” ชี้ชัด พลังทางการทหาร มีผลต่ออำนาจทางการเมือง-เศรษฐกิจ!
จากกรณีที่วันนี้ (10 มีนาคม 2565) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล เรียกร้องให้รัฐบาลไทยลดกำลังทหาร โดยบอกว่า
“ไม่มีวันที่เศรษฐกิจของชาติและการกินดีอยู่ดีของประชาชนจะเกิดขึ้นได้ หากกองทัพอ่อนแอ”
-ประเทศทั่วโลกแข่งขันกันเพิ่มกำลังทางทหาร เพื่อส่งเสริมอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจและการเมือง
-ส่วนคณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล สวนทางกับทั้งโลกด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยลดกำลังทหาร
-แล้วไทยจะเหลืออำนาจอะไรไว้ต่อรองทางเศรษฐกิจและการเมืองกับใครได้อีก
-นี่คือวิสัยทัศน์ของคณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล ที่ต้องการสร้างไทยให้อ่อนแอลงใช่หรือไม่?
-สงครามรัสเซีย-ยูเครน คือตัวอย่างการแสดงพลังทางการทหาร เพื่อต่อรองและครอบครองอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง
สรุปเหตุการณ์สำคัญในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าแสนยานุภาพทางการทหารมีผลสัมพันธ์กับอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ ดังต่อไปนี้
องค์กรนาโต้ ที่มีอเมริกาและอังกฤษเป็นกำลังสำคัญ ผลักดันให้นาโต้รับยูเครนเป็นสมาชิก เพื่อหวังกดดันรัสเซีย
ผู้นำยูเครนซึ่งเป็นอดีตดาราตลกตกหลุมพลางของนาโต้ ชักนำยูเครนให้เดินตามเกมการเมืองของนาโต้ ซึ่งเท่ากับชักนำประเทศของตนให้เข้าสู่สงครามที่ไม่มีวันชนะ และจะจบลงด้วยเดือดร้อนของประชาชนพร้อมกับหานนะของบ้านเมือง
รัสเซียส่งกองทัพบุกยูเครนเพื่อตอบโต้ยูเครนและนาโต้
นาโต้และอเมริกาบอยคอดรัสเซีย
รัสเซียปิดท่อแก๊สซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของทั้งยุโรป เพื่อตอบโต้การบอยคอด
ไม่มีประเทศมหาอำนาจตะวันตกแม้แต่ประเทศเดียวกล้าส่งกองทัพไปช่วยยูเครนรบกับรัสเซีย ซึ่งเป็นเรื่องผิดวิสัยอย่างมาก ที่ปกติประเทศมหาอำนาจตะวันตกมักร่วมมือกันส่งกองทัพไปช่วยประเทศที่ตนสนับสนุน
คำถามคือ เพราะอะไร อเมริกาและนาโต้กลัวอะไร
คำตอบคือ อเมริกาและนาโต้กลัวอำนาจทางการทหารของรัสเซีย ซึ่งมีแสนยานุภาพเทียบเท่ากับอเมริกาหรือนาโต้ ซึ่งแสนยานุภาพของกองทัพและอำนาจทางการทหารนี่เอง ที่ช่วยส่งเสริมอำนาจการต่อรองทางการเมืองและเศรษฐกิจ
สงครามรัสเซีย-ยูเครน คือตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ว่า การส่งเสริมศักยภาพของกองทัพให้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ จะช่วยป้องกันการข่มขู่และคุกคามจากคู่ต่อสู้ ทางการทหาร การเมืองและเศรษฐกิจ
ถ้าต้องการให้สงครามครั้งนี้ยุติมีเพียงทางเดียวเท่านั้น กล่าวคืออเมริกาและนาโต้ จะต้องยอมถอยไปอย่างน้อย 1 ก้าวให้กับรัสเซีย
สงครามครั้งนี้แสดงให้เราคนไทยและโลกทั้งโลกเห็นเป็นตัวอย่างว่า แสนยานุภาพทางของกองทัพและอำนาจทางการทหาร ส่งเสริมอำนาจต่อรองทางการเมืองและเศรษฐกิจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาดและเข็มแข็งของผู้นำ จะนำพาชาติให้วัฒนาถาวร
“ไม่มีวันที่เศรษฐกิจของชาติและการกินดีอยู่ดีของประชาชนจะเกิดขึ้นได้ หากกองทัพอ่อนแอ”
ด้วยสมการ….
กำลังทหาร + แสนยานุภาพของกองทัพ = ความมั่นคงทางการเมือง + ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของชาติ = การกินดีอยู่ดี + ความผาสุกของประชาชน
ทั้งนี้ ต้องอยู่บนพื้นฐานการปราศจากการคอรัปชั่นและความซื้อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง
ถ้าวิสัยทัศน์การลดงบประมาณทางการทหาร จะทำให้เศรษฐกิจของชาติและการกินดีอยู่ดีของประชาชนดีขึ้นจริง
ทำไมสหรัฐอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส อิตาลี จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบียและออสเตรเลีย ถึงมีงบประมาณทางการทหารสูงลิ่วตลอดมานับตั้งแต่วันที่ตัวเราและพ่อแม่ปู่ย่าตายาวของเราเกิดมาจนถึงปัจจุบัน
ตามีไว้ดู หูมีไว้ฟัง สมองมีไว้คิดวิเคราะห์ จงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ปิดหูปิดตาปิดใจ แล้วเปิดปากพูดตามคนที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้าก้าวไกล กลวงๆ !!!