ถึงคราวล่มสลาย!!นักยุทธศาสตร์เครดิตสวิสฟาด แช่แข็งเงินสำรองรัสเซีย ตีกลับเท่ากับทุบอำนาจดอลลาร์สหรัฐ

1953

เอาละซี! มาตรการคว่ำบาตรที่ออกแบบมาเพื่อทำร้ายรัสเซียเนื่องจากการเปิดปฏิบัติการทางทหารบุกยูเครน จะส่งผลเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐเช่นกัน การที่รัสเซียหยุดส่งก๊าซและน้ำมันให้ตะวันตกส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ หนึ่งบาร์เรลพุ่งขึ้นสู่ระดับ 139 ดอลลาร์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา  ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ต้นทุนพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจที่ซบเซาหรือภาวะถดถอย กำลังใกล้เข้ามาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

มอสโกว์เตือนแล้วว่าราคาน้ำมันจ่อพุ่งแรง ในที่สุดเยอรมนีก็ออกมาเตือนว่ายุโรปทิ้งพลังงานรัสเซียไม่ได้ แต่สายเกินไปเสียแล้ว เพราะยุโรปรุมถล่มรัสเซียโดยขับออกจากระบบการเงินโลก แต่กลับหวังให้รัสเซียใจดีปล่อยก๊าซมาให้คิดได้ไง ก่อนหน้านี้ก็เร่งขอซื้อกันใหญ่ก่อนที่รัสเซียจะถูกทุบค่าเงินและไล่ไปเป็นคนนอกระบบเงินของตะวันตก

ผลกระทบจากการที่สหร้ฐและพันธมิตรตะวันตกขับมอสโกว์จากระบบเงินโลกกำลังจะส่งผลสะท้อนให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ นักยุทธศาสตร์จากสวิสเตือนแรงว่าการแช่แข็งเงินสำรองของมอสโกว์จะทำลายดอลลาร์สหรัฐในที่สุด เพราะประเทศอื่นๆจะหนีไปใช้เงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐอย่างกว้างขวาง

วันที่ 7 มี.ค.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า นักยุทธศาสตร์ของเครดิตสวิส (Credit Suisse) กล่าวว่าขณะนี้เงินดอลลาร์สหรัฐได้ถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญแล้ว เมื่อมีการใช้เงินสกุลอื่นเพื่อเป็นเงินทุนสำรองของตนเองร่วมกับทองคำ และการสั่งซื้อสินค้าในเงินสกุลท้องถิ่นแทนดอลลาร์

โซลตัน พอซซาร์ (strategist: Zoltan Pozsar)นักยุทธศาสตร์ด้านอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเครดิต สวิส ระบุว่า การตัดรัสเซียออกจากการเข้าถึงทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจะทำลายอำนาจของดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับกดดันรัสเซียให้ตัดขาดจากดอลลาร์อย่างสิ้นเชืง

พอซซาร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า “ลองนึกภาพการตอบสนองหลังจากนี้ ผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์และข้าวสาลีจำนวนมากจะตัดสินใจออกใบแจ้งหนี้สั่งซื้อสิ่งของในสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ” 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวเสริมว่า“เนื่องจากเงินทั้งหมดที่คุณได้รับและเงินทั้งหมดที่คุณเก็บไว้ในตะวันตกมีความเสี่ยงที่จะถูกคว่ำบาตรหรือถูกยึด แน่นอนประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง Belt and Road Initiative (BRI) ที่นำโดยจีนอาจออกใบกำกับสินค้าในสกุลเงินหยวน

สำหรับรัสเซียเดินหน้าแล้วนอกจากประกาศค้าขายกับประเทศพันธมิตรด้วยเงินสกุลท้องถิ่นแล้ว รัสเซียยังประกาศให้ทั้งพลเมืองรัสเซีย ภาครัฐ และภาคเอกชนของรัสเซีย ที่มีภาระต้องชำระเงินกับเจ้าหนี้ต่างประเทศ ที่อยู่ในรายชื่อ ประเทศที่ไม่เป็นมิตร จะต้องชำระเป็นสกุลเงิน “รูเบิล” ของรัสเซีย มีผลบังคับใช้สำหรับการจ่ายเงินที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านรูเบิลต่อเดือน หมายถึงใครเป็นเจ้าหนี้รัสเซียก็ต้องรับเงินรูเบิล ไม่งั้นหนี้สูญ

เขากล่าวว่า”คุณสามารถเห็นศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ได้โดยการออกใบแจ้งหนี้การค้าในสกุลเงินหลักที่แตกต่างกัน และมีเหตุผลชอบธรรมมากมายสำหรับเรื่องนี้ในสถานการณ์ปัจจุบัน”

สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปห้ามธนาคารกลางของรัสเซียแตะส่วนสำคัญของเงินทุนสำรองอัตราแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นในต่างประเทศ เพื่อลงโทษรัสเซียให้อ่อนแอ

แต่ขั้นตอนที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ ยังไม่ได้ตัดรัสเซียออกจากสกุลเงินต่างประเทศทั้งหมด โดยเว้นธนาคารใหญ่ของรัสเซียไว้ 2 แห่งคือ Sburbank และ Gazprombank เพื่อเปิดทางอนุญาตให้รัสเซียใช้เพื่อซื้อขายพลังงาน และประเทศยังคงสามารถเข้าถึงเงินสำรองของตนที่ถืออยู่ในประเทศและในจีนได้

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวพร้อมกับบทลงโทษทางเศรษฐกิจอื่นๆ ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลรัสเซียลดลงเกือบ 30% ตลอดสัปดาห์ โดยธนาคารกลางไม่สามารถให้การสนับสนุนค่าเงินนี้ได้ ในขณะที่ตลาดการเงินของประเทศกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายในช่วงต้น

ต่อมารัสเซียเดินหน้าตอบโต้กลับ นอกจากประกาศค้าขายกับประเทศพันธมิตรด้วยเงินสกุลท้องถิ่นแล้ว รัสเซียยังประกาศให้ทั้งพลเมืองรัสเซีย ภาครัฐ และภาคเอกชนของรัสเซีย ที่มีภาระต้องชำระเงินกับเจ้าหนี้ต่างประเทศ ที่อยู่ในรายชื่อ ประเทศที่ไม่เป็นมิตร จะต้องชำระเป็นสกุลเงิน “รูเบิล” ของรัสเซีย มีผลบังคับใช้สำหรับการจ่ายเงินที่มีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านรูเบิลต่อเดือน หมายถึงใครเป็นเจ้าหนี้รัสเซียก็ต้องรับเงินรูเบิลด้วยนั่นเอง

กลายเป็นว่า การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างสุดโต่งของสหรัฐและตะวันตก ผลักดันให้รัสเซีย ต้องดิ้นรนปลดแอกจากระบบเงินเปโตรดอลลาร์ที่ครอบงำระบบเศรษฐกิจโลกอย่างเด็ดขาด ทำให้วันนี้โลกจะได้เห็นกลุ่มพหุอำนาจทางการเงิน ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เร็วเกินคาด และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อระบบ SWIFT ไร้ความหมายเร็วกว่าที่กำหนดไว้  ผลสะเทือนเหล่านี้ได้เขย่าสถานะของธนาคารและสถาบันการเงินของโลกตะวันตกอย่างรุนแรง!!