หลังจากที่นายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกตัวเคลื่อนไหวปมรัสเซีย-ยูเครน เรียกร้องให้ “ปูติน” ถอนทหารจากยูเครนทันที อย่างไม่มีเงื่อนไข และตามมาด้วยการวิจารณ์ว่ารัฐบาลต้องเป็นกลาง อย่าเป็นนกสองหัวจากเหตุการณ์นี้ รวมทั้งยังมี คลิปที่ ช่อ พรรณิการณ์ ออกมาระบุฟันธงว่า เหตุการณ์ครั้งนี้รัสเซียจะแพ้ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กลับว่า มีนักการเมืองจำนวนไม่น้อย ที่อาศัยจังหวะนี้ พูดโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา โดยประชาชนส่วนใหญ่ เชื่อมั่นว่าพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี จะรับมือและรู้จุดยืนที่จะทำให้ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าต่อไปได้
ทั้งนี้บรรดานักการเมือง หรือคนบางกลุ่มพยายามจะวิจารณ์สถานการณ์ในรัสเซีย-ยูเครน และเรียกร้องให้นานาประเทศคว่ำบาตรรัสเซีย ก็ทำให้ประธานาธิบดีปูติน ออกมาสื่อสารตอบโต้กลับแบบมีนัยยะสำคัญไปถึงประเด็นเพื่อนบ้าน และงานนี้อาจจะสะเทือนถึงนักการเมืองไทยบางรายด้วย
โดยความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบในยูเครน มีรายงานว่า ยังคงมีการเคลื่อนไหวในกรุงเคียฟอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงการยกระดับการโจมตีของฝ่ายรัสเซีย ขณะที่ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้แถลงเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 ว่ารัสเซีย “ไม่มีเจตนาร้าย” ต่อประเทศเพื่อนบ้าน แต่ในเวลาเดียวกัน กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่ควรใช้มาตรการจำกัดในรูปแบบใดต่อรัสเซีย เพราะจะเป็นการยกระดับความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ปูติน ยืนยันว่าได้ดำนเนินการทุกอย่างตามหน้าที่ ซึ่งจากบรรยากาศตอนนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง “ซ้ำเติม” หรือทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีก และปูตินย้ำว่าหากรัฐบาลรัสเซียยกระดับมาตรการในรูปแบบใด นั่นหมายความว่า เป็นการตอบสนองต่อการดำเนินการที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียเท่านั้น
เรายืนยันมาโดยตลอดว่าไม่มีเจตนาร้ายต่อเพื่อนบ้าน ผมอยากจะบอกกับประเทศเหล่านี้ว่าอย่าทำให้เกิดความตึงเครียดมากกว่าเดิม อย่าใช้มาตรการคว่ำบาตร เราทำตามหน้าที่ของเราและจะดำเนินการต่อไป
เราไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำให้สถานการณ์ตึงเครียดหนักขึ้น และทำให้สถานการณ์แย่ลง สิ่งที่เราทำทุกอย่างเป็นไปเพื่อการตอบโต้การกระทำที่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศรัสเซียเท่านั้น ผมคิดว่าทุกคนควรรักษาความสัมพันธ์และความร่วมมือให้เป็นไปตามปกติต่อไป
