หวานคอแร้ง!!กูรูเศรษฐกิจชี้ สงครามยูเครนทำศ.ยุโรปเละ สหรัฐเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เปรม

1203

กลุ่มประเทศตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียหลายครั้งตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้น สกุลเงิน และฟิวเจอร์สในตลาดโลกปั่นป่วน  คณะกรรมาธิการยุโรปสั่งปิดกั้นธนาคารรัสเซีย 7 แห่งจาก SWIFT โดยที่ ซเบอร์แบงก์ของรัสเซีย(Sberbank) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และ ก๊าซพรอมแบงก์(Gazprombank) ยังถูกยกเว้นจากรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก การที่ทั้งสองธนาคารไม่โดนแบน  แสดงให้เห็นว่าสหภาพยุโรปมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ตามมาของการแยกรัสเซียออกจากประเทศในยุโรป  

วันที่ 3 มีนาคม สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและโกลบัลไทม์ ได้เปิดเผยเกี่ยวกับผลจากสงครามยูเครนนั้นใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์นอกเหนือไปจากรัสเซีย

เรเซ็บ เออร์ซิน(Recep Ercin) นักวิเคราะห์เศรษฐกิจชาวตุรกีกล่าวว่า “ยุโรปซื้อพลังงาน ธัญพืช และแร่ธาตุจากรัสเซีย สินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสามนี้ไม่ใช่ชนิดที่หามาทดแทนได้ง่ายๆ การค้ากับรัสเซียในปัจจุบันเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ของรากฐานทางเศรษฐกิจที่ชาติตะวันตกอาศัย SWIFT เป็นระบบ การ ตัดการเชื่อมต่อรัสเซียจากระบบ SWIFTจะหมายถึงการยุติการค้าที่แท้จริง” SWIFT เป็นตัวย่อของ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication เป็นระบบการชำระเงินระดับโลก ซึ่งใช้โดยสถาบันการเงินและบริษัทมากกว่า 11,000 แห่งทั่วโลก ในกว่า 200 ประเทศ

เออร์ซินระบุว่า การตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยุโรปที่จะแยกรัสเซียออกจาก SWIFT นั้นเท่ากับยุโรปทุ่มหินใส่เท้าตัวเอง

การหยุดชะงักของการจัดหาธัญพืชของรัสเซียไปยังยุโรปจะนำไปสู่ภาวะสุญญากาศที่สำคัญ เขากล่าวว่า ตามรายงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐ รัสเซียและยูเครนรวมกันแล้วคิดเป็น 1 ใน 3 ของการส่งออกข้าวสาลีของโลก และ 1 ใน 5 ของข้าวโพดทั่วโลก ในขณะที่สหรัฐฯ สามารถปิดช่องว่างบางส่วนในการจัดหาก๊าซธรรมชาติของรัสเซียได้ แต่วอชิงตันไม่สามารถเข้าครอบครองส่วนแบ่งของรัสเซียในธัญพืชและแร่ธาตุในตลาดยุโรปได้ 

เออร์ซินกล่าวว่า “ยุโรปกำลังวางแผนที่จะลดปริมาณการค้ากับรัสเซีย แต่ในการทำเช่นนั้น ยุโรปจะต้องถามตัวเองว่าใครเป็นผู้รับประกันความปลอดภัยและความต่อเนื่องของสินค้า” 

เขากล่าวเสริมว่า ” รัสเซียอยู่ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตามกำลังซื้อ (PPP) การขับไล่รัสเซียออกจากระบบ SWIFT จะหมายถึงวิกฤตการณ์การชำระเงินและทางการค้าที่ร้ายแรงสำหรับยุโรป บางทีในขช่วงแรกอาจไม่ส่งผลกระทบกับสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรมากนัก แต่จะส่งผลโดยตรงต่อเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี บอลข่าน และประเทศแถบบอลติกยุโรป ติดกับดักอัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้ว ต้องเตรียม รับมือกับราคาที่พุ่งสูงขึ้น ในที่สุด ยุโรปไม่สามารถซื้อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียได้จะต้องหันไปพึ่งพาสหรัฐมากขึ้น”

แม้สหรัฐฯจะค่อยๆ สูญเสียอำนาจครอบงำโลกโดยเปโตรดอลลาร์ และ เศรษฐกิจเกิดใหม่ของโลกกำลังเคลื่อนไปสู่ภาวะหลายขั้วก็ตาม แต่สถานการณ์ความขัดแย้งสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ส่งผลดีตามที่สหรัฐคาดหวัง เรียกว่าตักตวงผลประโยชน์จากวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่ มันบ่งบอกว่า สงครามครั้งนี้ใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์ และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

เหอ ไวเหวิน(He Weiwen) นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน Chongyang Institute for Financial Studies ที่ มหาวิทยาลัยเรนเหมิน(Renmin University)ของจีนวิเคราะห์ว่าการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของตลาดทุนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีเงินทุนไหลเข้าสหรัฐอย่างชัดเจน ผู้รับผลประโยชน์จากความวุ่นวายในตลาดโลกทั้งหมดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนในปัจจุบันคือสหรัฐฯ  

ประการแรก วิกฤตการณ์ดังกล่าวได้เพิ่มการส่งออกก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ไปยังยุโรปอย่างมาก ซึ่งเคยซื้อก๊าซมากกว่าร้อยละ 40 จากรัสเซีย ในปี 2564 การส่งออกก๊าซธรรมชาติของรัสเซียไปยังสหภาพยุโรปมีจำนวน 192.6 พันล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 81 ของการส่งออกทั้งหมด ก๊าซส่วนใหญ่ถูกส่งโดยท่อส่งผ่านยูเครนและ Nord Stream 1 ซึ่งทั้งคู่ถูกตัดออกหลังจากความขัดแย้งปะทุขึ้น นอกจากนี้ ข้อตกลง Nord Stream 2 ได้สิ้นสุดลงแล้ว 

การเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรของ SWIFT ต่อธนาคารรัสเซียบางแห่ง การส่งออกก๊าซไปยังยุโรปจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว และสหรัฐฯ ซึ่งได้บันทึกการผลิตก๊าซที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็พร้อมที่จะเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว 

ประการที่สอง วิกฤตการณ์จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและดึงดูดกระแสเงินทุนทั่วโลก วิกฤตทางภูมิศาสตร์การเมืองทั้งหมดที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นหรือกระตุ้นอย่างแข็งขันในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ได้เสริมความแข็งแกร่งให้สกุลเงินของตนโดยไม่มีข้อยกเว้น ภายหลังความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ค่าเงินดอลลาร์จะเพิ่มขึ้น ทำให้สหรัฐฯ เป็นที่หลบภัยทางการเงิน เนื่องจากยุโรปไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

ประการที่สาม วิกฤตการณ์ดังกล่าวได้ขัดขวางการค้าทวิภาคีระหว่างรัสเซียและสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ในขณะที่สมาชิกสหภาพยุโรปเข้าร่วมคว่ำบาตรรัสเซียและธนาคารรัสเซียบางแห่งไม่รวมอยู่ในระบบ SWIFT การค้าทวิภาคีจะหดตัวลงอย่างมากซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ วิกฤตการณ์ดังกล่าวยังอาจส่งผลดีอย่างมากต่อกลุ่มอุตสาหกรรมการทหารของอเมริกา ในขณะที่ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และประเทศ NATO อื่น ๆ กำลังจัดหาอาวุธให้กับยูเครน และที่สำคัญกว่านั้น มันได้สร้างความวิตกกังวลอย่างมากในหมู่ประเทศในยุโรปเกี่ยวกับความมั่นคงของทวีป ต่อมาได้เพิ่มการพึ่งพา NATO และในท้ายที่สุดก็คือสหรัฐอเมริกา  

เพื่อให้เข้าใจผลกระทบของมาตรการเหล่านี้ดีขึ้น เราต้องพิจารณาประวัติและภูมิหลังของสถานการณ์ในยูเครน หลังจากนาโตให้คำมั่นที่จะไม่ขยายตัวไปทางตะวันออกเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 แต่ในข้อเท็จจริงNATO ได้ขยายสมาชิกไปทางตะวันออกและจัดตั้งฐานทัพในกลุ่มประเทศสมาชิกหลายครั้ง ภายในประเทศยุโรปเกือบทั้งหมดทางตะวันตกของรัสเซีย ยกเว้นเบลารุสและกำลังจะรับยูเครน เป็นสมาชิกของ NATO แทนที่จะเป็นประเทศกันชนที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ตามที่สหรัฐและนาโตตกลงกับรัสเซียไว้ในอดีต 

วิกฤตการณ์นี้สอดคล้องกับผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ และตำแหน่งที่เป็นเจ้าโลก การทำความเข้าใจตัวขับเคลื่อนสงครามเศรษฐกิจที่สหรัฐก่อขึ้น และอยู่เบื้องหลังสถานการณ์ทางการทหารในพื้นที่ยูเครนโดยผลักดันให้นาโตและสหภาพยุโรปออกหน้า จะช่วยให้เรามีภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับธรรมชาติของวิกฤตการณ์ และมองออกว่าใครเป็นตาอยู่