รัฐบาลปลื้ม!!เที่ยวบินปฐมฤกษ์รียาร์ด-กรุงเทพครั้งแรกในรอบ 32 ปี ย้ำสัมพันธ์ไทย-ซาอุ ตั้งเป้าปีนี้ 2 แสนคน

862

ข่าวดีสองเด้งสำหรับประเทศไทย ด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา เรื่องแรกคือเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา องค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาดา) ได้มีหนังสือเวียนลงคะแนน และต่อมาได้ประกาศปลดล็อกประเทศไทยออกจากการไม่สามารถเชิญธงชาติไทยขึ้นเสา ในการแข่งขันกีฬาระดับชาติ นี้เป็นสิ่งที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ประสาน และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกฤฎีกา

อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความภาคภูมิใจแก่รัฐบาลและบิ๊กตู่มากคือ ด้านความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบีย โดยปฐมฤกษ์การท่องเที่ยว เครื่องบินโดยสารซาอุฯแตะพื้นครั้งแรกในรอบ 32 ปี และการท่องเที่ยวตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้ นักท่องเที่ยวซาอุฯน่าจะมาเยือนไทยประมาณ 2 แสนคน

วันที่ 1 มี.ค.2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า  วานนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2565) เที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Saudi Arabian Airlines จากเมืองเจดดาห์ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้ถึงประเทศไทยเป็นเที่ยวบินแรก เมื่อเวลา 18.05 น. 

โดยมีคณะนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย เดินทางมาไทย จำนวน 71 คน โดยมีการควบคุมให้ไปตามมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเชื่อมั่นว่า เที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ถือเป็นหนึ่งปัจจัยความสำเร็จจากการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี 

มั่นใจว่าการเปิดตารางเที่ยวบินตรง กรุงริยาด – กรุงเทพฯ – กรุงริยาดนี้จะช่วยส่งเสริมการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว และช่วยให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการเดินทาง สามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ได้สะดวก ตลอดจนเป็นโอกาสต่อยอดขยายตลาดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ เช่น ยุโรป และตะวันออกกลาง เป็นต้น

ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากซาอุดิอารเบีย รอบแรกวันที่ 28 ก.พ. ที่ยอดน้อยกว่าที่วางเป้าไว้ว่า เป็นเพราะนักท่องเที่ยวยื่นเอกสารไม่ผ่านและที่จริงแล้วตามกำหนดการเที่ยวบินแรกเขาควรมาในเดือน พ.ค. แต่จากกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เชื่อมสัมพันธุ์ไมตรีหลังเว้นว่างมากว่า 32 ปี เราได้รับการตอบรับจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเขาจึงส่งนักท่องเที่ยวเที่ยวปฐมฤกษ์มาเร็วกว่าที่คิดไว้ เราก็ขอขอบคุณรัฐบาลของทางซาอุ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. มาได้เพียง 71 คน ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

พร้อมกันนี้ ททท. ได้เตรียมพร้อมกิจกรรมการต้อนรับอาทิ ของที่ระลึก การแสดงทางวัฒนธรรมไทย (โขน ตอนยกรบ) และอุโมงค์น้ำ (Water Salute) เพื่อแสดงมิตรไมตรีและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยครั้งนี้ด้วย

รมว.ท่องเที่ยวกล่าวว่า “หลังจากนี้จะมีเที่ยวบินจากซาอุดิอาระเบียสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จากการหารือและพูดคุยนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯต้องการมาเที่ยวที่ไทยจำนวนมาก ในปีนี้ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯ 2 แสนคนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแนวทางนายกฯ และจากข้อมูลนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯเฉลี่ยแล้วจะให้เงินรายละ 9 หมื่นบาทต่อทริป โดยในปี 2566 ตั้งเป้า 5 แสนคน และภาพรวมนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางปีนี้ เราตั้งเป้าไว้ที่ 5 แสนคน และปี 2566 ตั้งเป้าไว้ 1 ล้านคน เราพยายามวิ่งไปถึงเป้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ”

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการขับเคลื่อนและขยายฐานนักท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยสถิติปี 2562 พบว่า มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย เดินทางมาประเทศไทย 36,783 คน สร้างรายได้กว่า 3,220.15 ล้านบาท 

ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มรักษาพยาบาล มีพฤติกรรมและรูปแบบกิจกรรมท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวชาดหาด-ชายทะเล การเข้ารักษาพยาบาลหรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical และ Health and Wellness) และกิจกรรมช้อปปิง และจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต พัทยา พังงา กระบี่ เกาะสมุย และเชียงใหม่