ธนาคารแห่งรัสเซียเปิดตัวระบบสำหรับการโอนเงินใหม่ ไม่ต้องใช้ SWIFT ซึ่งทดสอบการใช้มาตั้งแต่ปี 2014 ครั้งสหรัฐ-ตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียกรณีแหลมไครเมียลงประชามติขอกลับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย สถานการณ์เช่นนี้สะท้อนว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐ-ตะวันตก อาจระคายรัสเซียระดับผิวเผินเพราะผ่านการบีบคั้นมานาน จนได้สร้างระบบพึ่งตนเองขึ้นมา และได้นำใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ สหรัฐ-ตะวันตกทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ เปิดหน้าแตกหักกับรัสเซีย ล่าสุดเจาะจงไปที่ทรัพย์สินส่วนตัวปธน.ปูตินและผู้บริหาร แต่ทางการรัสเซียโต้กลับว่า ยึดความว่างเปล่าเพราะปธน.ปูตินและรมว.ต่างประเทศไม่มีทรัพย์สินอยู่นอกประเทศเลย
แม้ค่าเงินรูเบิลดิ่งทำส้มหล่นใส่จีนเต็มพิกัด เพราะ ‘หยวนดิจิทัล’ ผงาด ราคาหุ้นในจีนกระฉูด เพราะจีนมีระบบรองรับด้วยเงินดิจิตัล ทำให้ระบบSWIFT ไร้ความหมาย เท่ากับว่าสหรัฐและพันธมิตรได้ผลักดัน การDisrupt ระบบการเงินโลกให้เร็วขึ้น นั่นหมายถึงสถานะของดอลลาร์ลดความสำคัญมากขึ้น เร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น นักวิเคราะห์การลงทุนฟันธงว่า นี่คือจุดจบของอาณาจักรดอลลาร์ที่ครอบงำโลก
วันที่ 28 ก.พ.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเรียกชาติตะวันตกว่าเป็น“อาณาจักรแห่งการโกหก”ในการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เขากล่าวว่า “ผมเชิญคุณให้มาหารือเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและการเงิน โดยคำนึงถึงการคว่ำบาตรที่ชุมชนตะวันตกที่ผมขอเรียกว่า อาณาจักรแห่งการโกหก กำลังพยายามนำมาปฏิบัติต่อประเทศของเรา”
รายละเอียดในการรับมือกับการคว่ำบาตรไม่ได้มีการเผยแพร่สู่สาธารณชน จนกระทั่งล่าสุดเอลวิรา นาบิลลินา(Elvira Sakhipzadovna Nabiullina)ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งรัสเซีย ได้โพสต์ข้อความลงใน โซเชียลมิเดีย(telegram) เมื่อบ่ายวานนี้ว่า “เรามีระบบการถ่ายโอนข้อความทางการเงินซึ่งสามารถแทนที่ SWIFT ภายในประเทศ ผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศสามารถเข้าร่วมได้ ธนาคารทุกแห่งในรัสเซียจะปฏิบัติตามภาระผูกพันและเงินทั้งหมดในบัญชีของพวกเขาจะปลอดภัย”
แม้จะไม่เปิดเผยรายละเอียดเพื่อป้องกันการถูกขัดขวาง แต่เป็นการตอกย้ำว่ารัสเซียสามารถรับมือกับมาตรการขับออกจากระบบเงินโลกของตะวันตกได้(SWIFT) ขณะเดียวกัน ด้านมาตรการกีดกันการขายพันธบัตรรัสเซียก็ไม่กระทบต่อฐานะการเงินของรัฐมากอย่างที่ตะวันตกคาดหวัง ด้วยสาเหตุหลายประการ
ประการแรก: รัสเซียถือครองทองคำและเงินตราต่างประเทศแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 643,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 20 ล้านล้านบาท) จนถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 หรือราว 1 สัปดาห์ก่อนบุกยูเครน จากตัวเลขของธนาคารกลางรัสเซียที่เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24ก.พ.ที่ผ่านมา
ธนาคารกลางรัสเซียระบุว่าตัวเลขถือครองทองคำและเงินตราต่างประเทศดังกล่าว เพิ่มขึ้นจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น 3,600 ล้านดอลลาร์ พร้อมระบุว่ายอดที่เพิ่มขึ้นมา 0.6% สืบเนื่องจากการประเมินมูลค่าทางตลาดในแง่บวก
ประการที่สอง:ทุนสำรองระหว่างประเทศ (International Reserve)ของรัสเซีย ซึ่งเป็นสินทรัพย์ต่างประเทศที่มีสภาพคล่องสูง ถือครองหรือควบคุมโดยธนาคารกลางรัสเซียและรัฐบาลของประเทศ มักจะประกอบไปด้วยเงินตราต่างประเทศต่างๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ ยูโร ปอนด์ เยน และหยวน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีทองคำ พันธบัตรรัฐบาล สิทธิพิเศษถอนเงิน (Special Drawing Rights: SDR) และสินทรัพย์ส่งสมทบกองทุนการเงินระหว่างประเทศอีกด้วย ในขณะที่รัสเซียได้ค่อยๆลดการถือครองดอลลาร์ลงมาเป็นศูนย์มาตั้งแต่ปีกลาย
ในปี 2021 ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย เพิ่มขึ้นเกือบ 6% ขณะที่ธนาคารกลางเคยวางเป้าหมายถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศ ในระดับ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รัสเซียเคยก้าวผ่านเป้าหมายดังกล่าวมาแล้วครั้งแรกในปี 2008 ด้วยถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศ 598,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปีต่อๆมา ทุนสำรองลดลงฮาบฮวบหลายๆครั้ง ในนั้นรวมถึงแตะระดับต่ำสุด 356,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2015 ตามหลังวิกฤตน้ำมันปี 2014 ทว่านับตั้งแต่นั้นทุนสำรองระหว่างประเทศก็เพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียและรัฐบาลกลางลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยกเครื่องการถือครองทุนสำรองระหว่างประเทศใหม่ หันไปหาสกุลเงินอื่นๆและทองคำ และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศหลายแห่ง เคยระบุก่อนหน้านี้ว่าคลังสำรองทางการเงินของรัสเซีย เปิดทางให้ประเทศแห่งนี้รับมือกับผลกระทบทางลบของมาตรการคว่ำบาตรต่างๆได้ และวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง
ประการที่สาม: การรับมือกับค่าเงินรูเบิลตกต่ำ ธนาคารกลางของรัสเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญเป็น 20% จาก 9.5% ในวันจันทร์ที 28 ก.พ. เป็น 20% จาก 9.5% เนื่องจากประเทศถูกคว่ำบาตรจากการปฏิบัติการทางทหารกับยูเครน ผลกระทบคือชาวรัสเซียรอการต่อคิวยาวเพื่อถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม
ธนาคารแห่งรัสเซียยังได้แนะนำการขายรายได้จากสกุลเงินแข็งสำหรับผู้ส่งออกและนายหน้าห้ามขายหลักทรัพย์โดยชาวต่างชาติ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้ เพื่อปกป้องทรัพย์สินของประเทศจากการคว่ำบาตรจากตะวันตกซึ่งรวมถึงบทลงโทษผู้กำกับดูแลด้วย
ล่าสุด เมื่อร้ายมาร้ายกลับไม่โกง ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียแถลงว่ารัสเซียอาจตอบโต้การยึดทรัพย์ผู้นำและประชาชนรัสเซียโดยทำแบบเดียวกัน คือยึดทรัพย์สินของนิติบุคคลและบุคคลที่อยู่ในรัสเซียที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และเขตอำนาจศาลที่ไม่เป็นมิตรอื่น ๆ ท่ามกลางการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซียครั้งใหม่ แต่จะไม่ลงโทษแบบปูพรมกับประชาชนของสหรัฐและพันธมิตร
เมดเวเดฟกล่าวเสริมอย่างแดกดันว่า “โชคดีที่เรามีประสบการณ์มากมาย และเรามีกฎหมายในเรื่องนี้ กฎหมายที่เข้มงวด”