บูรพาไม่แพ้!! สีประกาศจับมือคิมเคียงไหล่สู้ศึกต.ต. ขณะเปียงยางจวกสหรัฐเลวร้าย ต้นตอสงครามยูเครน

1449

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดวิกฤตยูเครน ที่วันนี้กำลังก้าวเข้าสู่ความขัดแย้งรัสเซียกับสหรัฐและนาโตอย่างชัดเจนแล้ว  เกาหลีเหนือยิงทดสอบมิสไซล์เป็นครั้งที่ 8 ของปีนี้เพื่อแสดงแสนยานุภาพอาวุธชั้นสูง คิมจวกสหรัฐทำสิ่งเลวร้าย คือต้นตอเบื้องหลังวิกฤติยูเครน ขณะที่ปธน.สี จิ้นผิงประกาศชัดว่ามิตรภาพและความร่วมมือกับเปียงยางจะเข้มแข็งขึ้นในสถานการณ์ใหม่

วันที่ 28 ก.พ.2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้ (JCS) กล่าวว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) ได้ยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งที่คาดว่าเป็นขีปนาวุธทิ้งตัว ออกสู่ทะเลทางตะวันออกของประเทศ

คณะเสนาธิการร่วมฯ ระบุว่าตนตรวจพบขีปนาวุธที่ถูกปล่อยมาจากเปียงยางเมื่อ 07:52 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ

หลังการทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุด ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้จัดประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีซูฮุน หัวหน้าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธานประชุม

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีทำการทดสอบขีปนาวุธ 7 ครั้งในเดือนมกราคม โดยเป็นการยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงจำนวนครั้งละหนึ่งลูกเมื่อวันที่ 5 ม.ค. และ 11 ม.ค. ขีปนาวุธพิสัยใกล้ที่ยิงจากขบวนรถไฟจำนวนสองลูกเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ขีปนาวุธนำวิถีทางยุทธวิธีสองลูกเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลหนึ่งลูกเมื่อวันที่ 25 ม.ค. ขีปนาวุธนำวิถีทางยุทธวิธีชนิดยิงจากพื้นสู่พื้นหนึ่งลูกเมื่อวันที่ 27 ม.ค. และขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลางถึงพิสัยไกลหนึ่งลูกเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา

ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือเมื่อวันเสาร์ เกาหลีเหนือเปิดเผยท่าทีอย่างเป็นทางการครั้งแรกด้วยการปกป้องรัสเซียและกล่าวโทษสหรัฐว่าเป็น “ต้นตอของวิกฤติยูเครน”

บทความเขียนโดยรี จีซง (Ri Ji Song)นักวิจัยจากสมาคมการเมืองระหว่างประเทศศึกษาของเกาหลีเหนือ โจมตีสหรัฐว่า พยายามเสาะแสวงความยิ่งใหญ่ทางทหาร โดยไม่คำนึงถึงความต้องการด้านความมั่นคงของรัสเซีย ต้นตอของวิกฤติยูเครนยังมาจากความยโสโอหังและการทำตามอำเภอใจของสหรัฐด้วย

รียังวิจารณ์สหรัฐว่ามี “สองมาตรฐาน” โดยระบุว่า สหรัฐก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศอื่นๆ โดยอ้าง “สันติภาพและเสถียรภาพ” แต่กลับประณามมาตรการป้องกันตนเองของประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงแห่งชาติของประเทศนั้นๆ อย่างไม่มีเหตุผลอันควร “วันที่สหรัฐเคยครองอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวนั้นผ่านพ้นไปแล้ว” 

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้แถลงเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ในประเทศของเขากับเกาหลีเหนือ เนื่องจากสถานการณ์ใหม่ ที่ไม่ระบุรายละเอียด สื่อเกาหลีรายงานเมื่อวันเสาร์ โดยอ้าง KCNA หน่วยงานของรัฐบาลเกาหลีเหนือ

สิ่งพิมพ์ดังกล่าวแบ่งปันข้อความจากสีถึงผู้นำเกาหลีเหนือคิม จองอุน( Kim Jong-un) โดยระบุว่า ปักกิ่งพร้อมที่จะ ยืนหยัดพัฒนาความสัมพันธ์มิตรภาพและความร่วมมือระหว่างจีนและเกาหลีเหนือภายใต้ “สถานการณ์ใหม่” 

การประกาศนี้มีขึ้นในวันเดียวกับที่ปักกิ่งโจมตีวอชิงตัน หลังส่งเรือรบผ่านช่องแคบไต้หวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ความเคลื่อนไหวของกองบัญชาการกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ระบุว่า “เป็นการยั่วยุที่ซ้ำซาก แต่สหรัฐฯแถว่าเป็นการเดินทางตามปกติในน่านน้ำสากลเหมือนเคย 

นักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตก ทำนายว่าปักกิ่งอาจโจมตีเพื่อยึดครองไต้หวัน ซึ่งถือว่ามีอาณาเขตเป็นของตน ในช่วงที่วอชิงตันมุ่งเป้าไปที่การปฏิบัตการทางทหารของรัสเซียในยูเครน

เกาหลีเหนือเริ่มการค้าข้ามพรมแดนกับจีนอีกครั้งเมื่อเดือนที่แล้ว โดยคลายความตึงเครียดทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปิดล้อมไวรัสโคโรน่าด้วยตนเอง จีนรับผิดชอบ 90% ของการค้าทวิภาคีของประเทศที่ถูกคว่ำบาตร และบางคนเชื่อว่าคิมจงใจระงับการทดสอบขีปนาวุธระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งเมื่อไม่นานนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อประเทศพันธมิตร 

ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือเคยเตือนว่าจะไม่เจรจากับสหรัฐฯ จนกว่าจะลดนโยบายที่เป็นศัตรูรวมถึงการคว่ำบาตรซึ่งสหรัฐไม่ตอบรับ

สำนักข่าวKCNA(The Korean Central News Agency)ได้อธิบายว่าระบบไฮเปอร์โซนิก ซึ่งคิมได้ทำการทดสอบแล้ว เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของ “แผนห้าปี “ของประเทศ เพื่อขยายกำลังทหารและเพิ่มอำนาจ ยับยั้งสงครามปกป้องมาตุภูมิื

ทางด้านจีนกำลังเตรียม ทางการเมือง เศรษฐกิจ กฎหมาย และวิธีอื่นๆ เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรจากภายนอก ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศเคยสั่งสมประสบการณ์ในการจัดการกับสงครามการค้าที่สหรัฐฯก่อขึ้นกับจีน ภายใต้การบริหารของอดีตปธน.ทรัมป์ รัฐบาลจีนมั่นใจในการรับมือกับแรงกดดันจากภายนอก และยืนยันว่าใครก็ตามที่ปราบปรามจีนจะต้องจ่ายเงินมหาศาลแบบที่พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้