รุมเฉ่งเมกาบ่างช่างยุ!! ‘ซีเรีย-เมียนมา’ ประกาศเคียงข้างรัสเซีย เห็นด้วยสั่งสอนพวกชักศึกเข้าบ้าน

1671

ประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด แห่งซีเรีย ต่อสายคุยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แสดงความชื่นชมที่รัสเซียกำหราบกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งในยูเครนได้อยู่หมัด  ระบุเป็นการแก้ไขประวัติศาสตร์ ขณะโฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาให้สัมภาษณ์สนับสนุนกองทัพรัสเซียว่า เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องเพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยอย่างยั่งยืนของรัสเซียที่ถูกคุมคามจากนาโต้ไม่หยุดหย่อน พร้อมได้ปกป้องชีวิตประชาชน 2 รัฐเอกราชไม่ให้ถูกกวาดล้างเผ่าพันธ์ุตามความเชื่อของลัทธิสุดโต่ง

เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2565 รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า ประธานาธิบดีอัสซาดโทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีปูติน หนึ่งวันหลังจากปูตินสั่งเปิดปฏิบัติการพิเศษทางทหารบุกยูเครน สหรัฐและพันธมิตรเต้น ออกมาประณามกันระรัว ในขณะที่นานาชาติอีกไม่น้อยกว่า 20 แห่งพากันแสดงจุดยืนว่า สนับสนุนการแก้ปัญหาของรัสเซียต่อกรณีสงครามยืดเยื้อในดอนบาสที่ส่อลุกลามเป็นอาชญากรรมล้างเผ่าพันธุ์ ที่ตะวันตกทำเป็นปิดหูปิดตาไม่รับรู้

ประเทศที่เข้าแถวหนุนรัสเซียได้แก่ ประเทศจีน,เกาหลีเหนือ,คิวบา, อิหร่าน,เบลารุส, ซีเรีย, แอลจีเรีย, พม่า, ลาว, เวียดนาม, เวเนซุเอลา, ทาจิกิสถาน, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน, อาร์เจนตินา, ปากีสถาน, เอมิเรตอิสลามอัฟกานิสถาน, ปาเลสไตน์, ลิเบีย, เลบานอน, เติร์กเมนิสถาน, อาร์เมเนีย และเซอร์เบีย

กลุ่มประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่โดนสหรัฐและตะวันตกคุกคาม แทรกแซงและคว่ำบาตรอย่างไร้มาตรฐานด้วยกันทั้งหมด แต่แน่นอนข่าวแบบนี้จะไม่ปรากฏในสื่อสายตะวันตก ใครต้องการรู้ความเคลื่อนไหวให้ครบด้านต้องหาอ่านจากสื่อตะวันออกให้ครบถ้วน

 

ด้านซีเรียที่ยืนหยัดไม่ถูกทำลายล้างเหมือนอิรัก-ลิเบียเพราะความช่วยเหลือจากรัสเซีย จึงแน่นอนว่าต้องกล้าออกมายืนยันจุดยืนอย่างอาจหาญเพราะสู้กับตะวันตกมากว่า 20 ปีแล้วและยังสู้อยู่ด้วยการสนับสนุนของรัสเซีย

แถลงการณ์จากสำนักงานประธานาธิบดีซีเรียกล่าวว่า ประธานาธิบดีอัสซาดย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันแห่งการเผด็จศึกเป็นการแก้ไขประวัติศาสตร์ให้ถูกต้อง และฟื้นฟูสมดุลในระเบียบโลก อีกทั้งประณามสิ่งที่เขาเรียกว่า “อาการฮิสทีเรีย”โรคกลัวรัสเซียของตะวันตกที่อยู่รายล้อมยูเครน และทำให้ยูเครนต้องประสบชะตากรรมอย่างที่เป็นอยู่นี้

อัสซาดกล่าวกับปูตินว่า ซีเรียยืนอยู่ข้างรัสเซียจากความเชื่อมั่นที่ว่าเป็นจุดยืนที่ถูกต้อง เพราะการเผชิญหน้ากับการขยายตัวของนาโตเป็นสิทธิของรัสเซีย นอกจากนี้ ชาติตะวันตกต้องรับผิดชอบต่อความโกลาหลวุ่นวายและการนองเลือด จากการที่ใช้กลอุบายสกปรกสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในซีเรียและพวกลัทธิทหารสุดโต่งในยูเครน

ผู้นำรัสเซียเป็นพันธมิตรสำคัญของอัสซาด เขาตัดสินใจแทรกแซงสงครามกลางเมืองของซีเรียเมื่อปี 2558 โดยเปิดฉากโจมตีทางอากาศเพื่อสนับสนุนกองทัพของอัสซาดและส่งทหารมากกว่า 63,000 นายมายังซีเรีย การแทรกแซงของรัสเซียเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสงครามรุกรานในซีเรียที่เพลี่ยงพล้ำกับผู้ก่อกานร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกในนาม IS ทำให้กองทัพอัสซาดสามารถช่วงชิงดินแดนที่สูญเสียให้ฝ่ายก่อการร้ายกลับคืนมาได้

ประเมินกันว่า สงครามซีเรียที่เริ่มต้นจากสงครามพันทางและการปฏิวัติสีเมื่อปี 2554 มาจนถึงปัจจุบันทำให้มีคนล้มตายเกือบ 500,000 คน และพลัดที่อยู่หลายล้านคน ประชาชนชาวซีเรียต่างรู้เช่นเห็นชาติฝ่ายสหรัฐและตะวันตกเป็นอย่างดีจึงเลือกตั้งให้อัสซาดเป็นประธานาธิบดีมาถึง 4 สมัย ทำให้สหรัฐฯหัวร้อนที่ไม่อาจโค่นอัสซาดลงได้

ส่วนจุดยืนของรัฐบาลเมียนมา มีแถลงการณ์จากซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ว่า กองทัพรัสเซียได้ดำเนินการในสิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล เพื่อความยั่งยืนของอำนาจอธิปไตยของรัสเซีย และรัสเซียได้แสดงให้โลกเห็นตำแหน่งของรัสเซียในฐานะหนึ่งในประเทศมหาอำนาจโลก ที่ใครก็ไม่อาจรังแกได้

ทั้งนี้ รัสเซียเป็นพันธมิตรสำคัญและผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่แก่เมียนมา และออกหน้าปกป้องเมียนมาในองค์การสหประชาชาติ ยับยั้งไม่ให้สหรัฐผลักดันสหประชาชาติส่งกองกำลังโค่นรัฐบาลชุดปัจจุบัน 

รายงานของผู้เชี่ยวชาญอิสระที่จัดทำรายงานให้ยูเอ็นเผยแพร่ในสัปดาห์นี้กล่าวว่า รัสเซีย และจีน พันธมิตรสำคัญของเมียนมาอีกชาติหนึ่ง ยังคงส่งมอบอาวุธให้แก่รัฐบาลทหารชุดนี้ รวมถึงเครื่องบินขับไล่และยานหุ้มเกราะ ในความเป็นจริงก็คือเพื่อใช้ต่อสู้กับกลุ่มกบฎที่ฝ่ายตะวันตกให้การหนุนหลัง ทั้งนี้สหรัฐและตะวันตกดำเนินกลยุทธ์สงครามไฮบริด สนับสนุนรัฐบาลเงาของอองซานซูจีอย่างออกนอกหน้า และกำลังลากดึงอาเซียนเข้ามาขย่มเมียนมาตามวาระวอชิงตันอย่างเข้มข้น!!