ทรัมป์เดินสายหาเสียงเริ่มที่ฟลอริดา อวดอ้างมีภูมิคุ้มกัน แต่ถูกวิจารณ์กระหึ่มว่าเพิ่งฟื้นจากโควิด-16 ยังคงไม่สวมหน้ากาก ไม่รักษาระยะห่าง พบคนมากมายทำทุกคนที่เกี่ยวข้องเสี่ยงภัย เนื้อหาการหาเสียง เน้นไปที่ผลงานด้านเศรษฐกิจและแผนการฟื้นฟูของทรัมป์โดยไม่ใส่ใจเรื่องการระบาดโควิดที่มีแนวโน้มระบาดหนักขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมทรัมป์ยังเป็นการส่งสัญญาณผิดเพี้ยนเกี่ยวกับอันตรายของเชื้อโรคอีกด้วย หรือที่จริงแล้วทรัมป์และทีมงานเชื่อใน “ทฤษฎีภูมิคุ้มกันรวมหมู่” จึงปล่อยทุกอย่างเป็นไปโดยไม่ให้ความสำคัญและไม่ทุ่มเทแก้ปัญหาอย่างที่ควรจะเป็น
ปธน.ทรัมป์เริ่มหาเสียงในวันจันทร์ 12 ต.ค.2563 ที่มลรัฐฟลอริดา กลุ่มเมืองแบทเทิลกราวนด์เสตท ในบันทึกที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ ทรัมป์ มีกำหนดกลับสู่เวทีหาเสียงเลืองตั้ง นายแพทย์ฌอน คอนลีย์ เปิดเผยว่าจากการตรวจเชื้อโดยใช้ BinaxNOW ชุดตรวจหาแอนติเจนเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของบริษัทแอบบอตต์ พบว่าประธานาธิบดีมีผลออกมาเป็นลบหลายวันติดต่อกัน
คอนลีย์ ระบุว่าผลตรวจออกมาเป็นลบ และข้อมูลจากห้องปฏิบัติการและทางคลินิกอื่นๆ บ่งชี้ว่าไม่พบการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนของไวรัส ทีมแพทย์ของทรัมป์ บอกว่าจากข้อมูลดังกล่าว ประกอบกับคำแนะนำจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ จึงสรุปได้ว่า “ประธานาธิบดีไม่ได้แพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ” คอนลีย์กล่าว
ตามแผนหาเสียง ทีมทรัมป์จะจัดงานชุมนุมขึ้นตามรัฐต่าง ๆ ที่ต้องชิงชัยกันหนักได้แก่ ฟลอริดา เพนซิลเวเนีย และไอโอวา ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 ไปจนถึงวันพุธที่ 14 ทรัมป์กระตือรือร้นที่จะมาจัดงานชุมนุมซึ่งเขามองว่าเป็นจุดแข็งของเขา
คำถามและความไม่พอใจแพร่ทั่วโซเชียลมีเดีย
ทรัมป์ประกาศว่า ตัวเขามีภูมิคุ้มกันไวรัส ซึ่งคร่าชีวิตคนอเมริกันกว่า 214,000 ราย และแพร่เชื้อเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวจำนวนมาก และทีมบริหารของทรัมป์ยังไม่ยอมเผยแพร่รายละเอียดการตรวจ รักษาโควิด-19 นับตั้งแต่ประกาศว่าเขาและภรรยาติดโควิด วันที่ 2 ต.ค.2563 ทำให้เกิดคำถามแพร่หลายในโซเชียลมีเดีย แม้แต่ในทวิตเตอร์ถึงเจ้าตัวว่า ใครบ้างที่ติดเชื้อโควิด-19 ก่อนตรวจพบที่ตัวเขาและ เจ้าหน้าที่ศูนย์การแพทย์วอลเตอร์รีด ขณะที่เขาป่วย และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวทั้งก่อนป่วย ระหว่างป่วย และหลังจากกลับมา
ท่าทีของทรัมป์ต่อผู้สนับสนุนที่มาชุมนุมฟังเขาหาเสียงที่ แซนฟอร์ด “การรักษาไม่ได้เลวร้ายไปกว่าการติดเชื้อ” “ถ้าคุณรู้สึกดี ถ้าต้องการพักก็พัก ถ้าต้องการจะออกไปข้างนอกก็ไป สำหรับผม ผ่านมันมาแล้ว และพวกเขาบอกว่า ผมมีภูมิคุ้มกัน …ผมรู้สึกมีพลังมาก”
ทรัมป์ในวัย 74 ปีแข่งขันกับโจ ไบเดนวัย 77 ปี ซึ่งณเวลานี้ผลสำรวจทุกโพล ให้ไบเดนนำเขา คะแนนทรัมป์ตกต่ำมากโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาการระบาดไวรัสโควิด-19 พื้นที่เป้าหมายที่ทรัมป์จะไปปรากฏตัวหาเสียงด้วยตนเอง ได้แก่ ฟลอริดา เพนซิลเวเนีย โลวา โอไฮโอ วิสคอนซิล และนอร์ท คาโรไลนา ทีมหาเสียงกล่าวว่าต้องใช้งบฯอีกมากในการรณรงค์ทางทีวี และจะต้องชนะให้ได้ในเมืองสู้ชิงชัย (Battle ground state) รวมถึงเมืองที่ทรัมป์เคยทำคะแนนนำในปี 2016
เดโมแครตคิ้กออฟถิ่นที่ทรัมป์เคยชนะ
ไบเดนมีผลตรวจโควิดเป็นลบ หลังจากที่รู้ว่าทรัมป์ติดโควิด และวันจันทร์เช่นกันที่ โจ ไบเดน-ทีมหาเสียงพรรคเดโมแครต ลงพื้นที่ที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะครั้งเลือกตั้งปี 2016 แต่ปีนี้พวกเขาเชื่อเขาจะชนะ เริ่มที่รัฐโอไฮโอ, ฟลอริดาซึ่งยังเป็นเขตความนิยมสูสีตามผลโพล เนื้อหาการรณรงค์ของไบเดนจะเน้นความแตกต่างระหว่างเขาและทรัมป์ในด้านเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาการระบาดไวรัสโควิด-19
สัปดาห์นี้ไบเดนเน้น การเสนอแผนงานเพื่อคนทำงานเรียกว่า”Scranton vs. Park Avenue and Wall Street” เป็นแผนงานฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจและย้ำด้วยความล้มเหลวของทรัมป์ในการรับมือกับการระบาดไวรัสโควิด-19 “ยิ่งโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีนานเท่าไหร่ เขายิ่งบ้าบิ่นมากเท่านั้น” ไบเดนกล่าวในการปราศัยหาเสียงที่เมือง โทเลโด, รัฐโอไฮโอวันเดียวกับที่ทรัมป์หาเสียงอยู่ที่ฟลอริดา
สตีเฟน ทีมหาเสียงของทรัมป์บอกกับนักข่าวว่า “ประธานาธิบดีแข็งแรง มีพลังมากและต้องการไปหาเสียงด้วยตัวเอง” ทรัมป์คือ “ต้นทุนที่ดีที่สุด”ในการหาเสียง ทั้งนี้สตีเฟนตรวจผลเป็นบวกเมื่อต้นเดือน
ครั้งสุดท้ายของการหาเสียงในที่สาธารณะของทรัมป์ที่เมืองดูลูท รัฐมินเนโซตา ก่อนที่เขาจะติดเชื้อโควิด-19 เขาพูด 45 นาที และต่อมาในงานพบทีมสนับสนุนที่ทำเนียบขาว ทรัมป์พูด 18 นาที และต่อมาคืนวันจ้นทร์ที่สแตนฟอร์ด เขาพูดได้เป็นชั่วโมง ขณะที่ทรัมป์เดินสายรณรงค์หาเสียง ทีมบริหารได้พยายามติดตามสังเกตุอาการของประธานาธิบดี คอยดูแลตอนที่เปิดตัวสาธารณะ โฆษกทำเนียบขาวนาย จัดด์ ดีรี กล่าวว่า นพ.คอนลีย์จะเป็นผู้คอยดูแลปธน.ทรัมป์
โมนิกา แกนที ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อและศาสตราจารทางยา,มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานฟรานซิสโกกล่าวว่า ” นี่ไม่ใช่บางอย่างที่จะรับรองให้ได้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ…ดิฉันมองว่ากำหนดการที่แน่น จะต้องมีการติดตามคนป่วยอย่างใกล้ชิดว่ามีอาการอย่างไร หายใจติดขัดไหม ไอหรือไม่ มันเป็นอาการที่จะเกิดต่อเนื่อง” “แนะนำว่าอย่างน้อยควรพักฟื้น 1 อาทิตย์” และเห็นว่าปธน.ทรัมป์ควรสวมหน้ากากและรักษาระยะห่างในระหว่างนั่งในเครื่องบินตอนเดินทาง
พื้นที่ที่ทรัมป์เคยได้รับชัยชนะในปี 2016 เช่นมิชิแกน, นอร์ทคาโรไลนาและเพนซิลเวเนีย ที่ปรึกษาทรัมป์เผยว่าทรัมป์ยังคงมั่นใจว่าเขามีโอกาสชนะ เพราะผลโพลคะแนนยังสูสีกับไบเดน
ทรัมป์และทีมไม่สนโควิด-เน้นฟื้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
เจ้าหน้าที่สองรายปีกตะวันตกของทำเนียบขาว กล่าวถึงการปรากฏตัวของทรัมป์พบผู้สนับสนุนจำนวนมากที่ทำเนียบขาวในวันเสาร์ที่ผ่านมา จาเรด คุชเนอร์ บุตรเขยของทรัมป์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโส, แคนเดช โอเวนส์ ทีมจัดกิจกรรมรณรงค์หาเสียง และมาร์ค มีโดว์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ต่างไม่ค่อยห่วงเรื่องโควิด-19 เท่าไหร่ ต่างพากันเร่งกิจกรรมต่างๆและทำงานใกล้ชิดประธานาธิบดีต่อเนื่อง
การแสดงออกของทรัมป์และไบเดนแตกต่างกันมาก เกี่ยวกับโควิด-19 เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ทรัมป์ยังคงไม่สวมหน้ากากเมื่อปราศัยและพบผู้คน ส่วนไบเดนสวมหน้ากากและนำออกเมื่อต้องพูดปราศัย
ทำเนียบขาวยังคงชูแนวทางอย่างเป็นทางการ “เน้นการป้องกัน” ซึ่งผลักดันโดยนักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด, ฮาร์วาร์ด และแสตนฟอร์ด เรียกร้องให้คนอเมริกันกลับคืนสู่วิถีปกติขณะที่ป้องกันประชาชนที่มีความเสี่ยง ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการนำเสนอวิธีแบบมฤตยู “ภูมิคุ้มกันหมู่” โดยแท้
ทรัมป์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 แก่กลุ่มผู้สนับสนุนเมื่อวันอาทิตย์ว่า คนหนุ่มสาว 99.9% หายจากโควิดได้เมื่อติดเชื้อ “แต่ถ้าใครที่มีมีอายุมาก หรือสุขภาพไม่ดีถึง 100% เมื่อติดเชื้อ แล้วมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ หรือมีโรคบางอย่าง มันจะค่อนข้างแย่” ทรัมป์กล่าวและสัญญาจะรักษาคนกลุ่มเสี่ยงเหล่านั้น
อีกไม่ถึงเดือนจะมีการเลือกตั้ง มันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนเลยว่าปธน.ทรัมป์จะชนะหรือไม่ แผนรณรงค์หาเสียงของทรัมป์และทำเนียบขาวเน้นไปทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการต่อสู้ชิงที่นั่ง ผู้พิพากษาศาลสูงให้แก่เอมี โคเน แบเรตต์ ที่ทรัมป์สนับสนุนซึ่งอาจมีส่วนช่วยเรื่องการกระตุ้นกำลังใจผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน แต่ทรัมป์ยังไม่มี คำตอบอย่างเป็นหลักการที่ชัดเจนต่อข้อกล่าวหา ข้อสงสัยที่แพร่กระจายในทวิตเตอร์ของเขาตลอดสองสามวันมานี้เลยแม้แต่น้อย
โด ดีสัน ผู้สนับสนุนหลักของปธน.ทรัมป์ในเท็กซัส กล่าวว่า เขามั่นใจว่าปธน.ทรัมป์จะมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นในมลรัฐหลักเช่น ฟลอริดา โอไฮโอ เพนซิลเวเนียและมิชิแกน และไบเดนอย่างไรก็แพ้แน่ ทำให้ทรัมป์มีคะแนนอิเล็คโทรัลชนะขาด
“การแข่งขันครั้งนี้คือ ทรัมป์แข่งกับทรัมป์” “มีเขาคนเดียวล่ะที่จะเอาชนะตัวเขาเองได้” ดีสันกล่าว