เอาแล้วไง! ฝรั่งเศสขู่ปูติน นาโต้คือพันธมิตรนิวเคลียร์ ขณะสหรัฐฯเชื่อรัสเซียจะ’ยึดกรุงเคียฟ’

1455

ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.พ.2565 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า  รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสขู่รัสเซียว่า ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน จำเป็นต้องตระหนักว่านาโต้คือพันธมิตรนิวเคลียร์ หลังผู้นำเครมลินย้ำศักยภาพอาวุธยูทโธปกรณ์ชั้นสูงของรัสเซียไม่เป็นสองรองใคร  ขณะเดียวกันโฆษกทำเนียบขาว สหรัฐฯ เชื่อว่าปฏิบัติการรุกรานของรัสเซียมีเป้าหมายที่แท้จริงใหญ่กว่าการยึดยูเครน ในขณะเดียวกันปธน.ไบเดนให้สัมภาษณ์ว่ามั่นใจรัสเซียจะบุกยึดกรุงเคียฟ เพื่อโค่นปธน.เซเลนสกี้แห่งยูเครน

นาโต้ ระบุว่าอาวุธนิวเคลียร์ที่ครอบครองโดยเหล่าชาติสมาชิกอย่างฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ คือองค์ประกอบสำคัญในแสนยานุภาพโดยรวมสำหรับการป้อมปรามและป้องกันตนเอง

ในขณะที่ส่วนของเครมลิน ปูตินได้ตอกย้ำว่ารัสเซียยังคงเป็นหนึ่งในมหาอำนาจนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างที่เขาตัดสินใจ ส่งกองกำลังพิเศษเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในดอนบาสเช้าวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.พ. พร้อมกับเตือนว่าการโจมตีโดยตรงต่อรัสเซีย จะนำมาซึ่งการสูญเสียทุกฝ่าย

ฌอง-อีฟส์ เลอ ดริอาน รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว TF1 พร้อมให้คำสัญญาว่ายุโรปจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอันน่าตื่นตะลึง ซึ่งจะแทงเข้าขั้วหัวใจของรัสเซีย เขากล่าวว่า

“วลาดิมีร์ ปูติน ต้องเข้าใจเช่นกันว่าพันธมิตรแอตแลนติกคือพันธมิตรนิวเคลียร์” 

เลอ ดริอาน บอกว่าฝรั่งเศสกำลังศึกษาคำร้องขอความช่วยเหลือต่างๆ จากยูเครน ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านการทหาร “พวกเขาส่งมอบรายการให้เรา เกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ทางทหาร เราอยู่ในกระบวนการของการศึกษา ในความพยายามตอบสนองต่อคำร้องขอของพวกเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ขณะเดียวกัน เลอ ดริอาน ยังพูดจาโจมตี ปูตินว่า “รัสเซียเป็นพวกชอบดูถูกและเผด็จการ”

อีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาเตือนในวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ว่าปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย มีเป้าหมายคือยึดกรุงเคียฟ และขับไล่พวกผู้นำของประเทศ โดยทหารรัสเซียกำลังรุกคืบจาก 3 ด้าน ภายใต้การสนับสนุนของการทิ้งระเบิดทางอากาศ

ขั้นแรกของการโจมตีมุ่งเน้นไปที่เมืองสำคัญๆ และเพนตากอนคาดหมายว่ารัสเซียจะเคลื่อนพลเข้าสู่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์เอ่ยนามรายนี้กล่าว “ทุกความตั้งใจของพวกเขาอยู่บนพื้นฐานของการโค่นรัฐบาล และจัดตั้งแนวทางการปกครองของพวกเขาเอง”

ด้านทำเนียบขาว ในระหว่างการแถลงข่าวช่วงค่ำ เจน ซาซากิ โฆษกของทำเนียบขาว กล่าวว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน และให้ความเห็นเกี่ยวกับการรัสเซียบุกยูเครนว่า “เราคิดว่าปูตินมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น”

สหรัฐคงแกล้งลืมไปว่า เมื่อปี 2014 สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นแล้วในกรุงเคียฟ ที่อนุสาวรีย์ไมดาน การรัฐประหารที่สนับสนุนโดยสหรัฐฯและสหภาพยุโรป โค่นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่ตะวันตกมองว่านิยมรัสเซีย ผลคือเกิดจลาจลครั้งใหญ่มีการต่อสู้ปะทะกันนำความสูญเสียชีวิตของทุกฝ่ายกว่า 14,000 คน และเกิดสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์  ในปีนั้นรัสเซียยังไม่ยอมรับการแยกเป็นรัฐเอกราช เพราะหวังใช้สนธิสัญญาหยุดยิงมิสสก์เป็นมาตรการเชื่อมประสานยูเครน  พยายามมาถึง 8 ปี ยูเครนไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพมินสก์ ก่อศีกปะทะชายแดนที่พื้นที่กันชนระหว่างรัฐบาลเคียฟกับโดเนตสก์และลูฮันสก์ เป็นระยะ

เมื่อเกิดเหตุยูเครนปะทะกับ2 รัฐแล้วสหรัฐ-นาโต้พยายามจะเข้ามาจัดระเบียบ โดยถือหางยูเครน จัดการเจรจากับรัสเซีย ตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าล้มเหลวทุกครั้งทุกช่องทาง

สหรัฐปฏิเสธทุกคำร้องขอของรัสเซีย ในขณะที่นาโต้ข่มขู่ว่าจะจัดหนักรัสเซียตลอด

ฟางเส้นสุดท้ายของรัสเซียคือในขณะที่ การเจรจาวนไปมาโดยฝรั่งเศสและเยอรมนีเล่นบทประสานงาน วิ่งรอกไปทางสหรัฐทีก็ว่าอย่างหนึ่ง มาคุยกับรัสเซียอีกทีก็ว่าอีกอย่างหนึ่ง พอยูเครนสาดปืนครกใส่โดเนตสก์และลูฮันสก์ หลังปูตินประกาศรับรอง 2 เอกราช รัสเซียจึงรุกกลับทีนที ทำให้สหรัฐ-นาโตและยูเครนตั้งตัวไม่ทัน

เมื่อประวัติศาสตร์แห่งความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ได้หมุนกลับมาอีกครั้ง ใครจะเป็นฝ่ายที่มีชัย และชะตากรรมของยูเครนจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องติดตามอย่างไม่กะพริบตา!!