Truthforyou

ล้างบางยกก๊วน! “มือปราบ 3 นิ้ว ” ฟันธง ลั่นชัดอีก 3 เดือน เอาผิดกลุ่มบงการม็อบ นายทุน ส.ส. เจ้าของบัญชี โดนอ่วม!?

“ดร.ณฐพร” เร่งเครื่อง เอาผิดกลุ่มล้มล้างการปกครองและสถาบัน มั่นใจพยานหลักฐาน คาด 3 เดือน คนไทยฟังข่าวดี สามารถจับผู้บงการตามข้อหากบฏได้ แย้ม “เจี๊ยบ คอนถม” โดนด้วย มีกว่า 30 รายชื่อ พร้อมเผย กฏหมาย 112 ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนคือคนที่โกงกินสมบัติของชาติไป

 

ดร.ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษา ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เปิดเผยความคืบหน้า ถึงการยื่นคำร้องในการแจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดดำเนินคดีกับ กลุ่มนักการเมือง นักวิชาการ และกลุ่มนายทุน รวมไปถึง เครือข่ายล้มล้างการปกครอง ที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีคำตัดสินชี้ขาดว่า กลุ่มบุคคลองค์กรเหล่านี้ กระทำการเข้าข่าย ตนและทีมงาน ดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มคนเหล่านี้ มากว่า 3-4 ปี และคาดว่า ภายในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาในคดีกบฏล้มล้างการปกครองตามมาตรา 113 สวนคดีอื่นที่อาจจะมีพ่วงตามมา ก็ต้องดูพฤติกรรมในการก่อเหตุอีกครั้งถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้

โดยคดีดังกล่าวนี้ ไม่ต้องใช้เวลาในการสอบสวนนานหรือยุ่งยาก เพียงขอสำนวนที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา มาดำเนินคดี ซึ่งจะมีข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ครบถ้วน อีกทั้งก่อนหน้านี้ ตนเองพยายามรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งภาพถ่าย คลิปวีดีโอ และการบันทึกเสียง ของกลุ่มคนดังกล่าวกว่า 30 รายชื่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นมี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ เจี๊ยบ ส.ส.พรรคก้าวไกล รวมถึง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล รวมไปถึงนักวิชาการและนายทุน

สำหรับ เจี๊ยบ ส.ส. พรรคก้าวไกลนั้น มีทั้งพยานหลักฐานการกระทำความผิดที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง ซึ่งเป็นประจักษ์พยานหลักฐาน ในฐานะนักการเมืองแทนที่จะไปดูแลพี่น้องประชาชนในเรื่องของปากท้อง แต่กลับเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง และยังพบว่ามีการเข้าร่วมประชุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เช่น ชวนเด็กทิ้งหนังสือ ถืออาวุธ ขายความผิดตามจริยธรรมนักการเมือง โดยคำร้องฟ้องเอาผิดกับกลุ่มคนเหล่านี้ทาง DSI และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ดำเนินการในส่วนการดำเนินคดีด้วยเช่นกัน คาดว่าไม่นานเกินรอ ก็จะสามารถออกหมายเรียก เรียกกลุ่มคนเหล่านี้เข้ามารับทราบการแจ้งข้อกล่าวหาได้


นอกจากนี้ ดร.ณฐพร ยังยืนยันด้วยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคดีและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นนายทุนและผู้บงการอยู่เบื้องหลังการล้มล้างการปกครอง โดยนายทักษิณใช้ปริญญาฟินแลนด์เป็นตัวเชื่อมโยง ส่วนนายธนาธรใช้ ปฏิปักษ์กษัตริย์นิยม มีแนวความคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมไทย และมีนายปิยบุตร เป็นต้นคิด ที่มาจากหนังสือที่นายปิยบุตรเขียนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่มีเนื้อหาพาดพิงหรือข่มขู่สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะดำเนินคดีกับตัวการหรือผู้จ้างวานอย่างแน่นอน เราจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่จะล้มล้างการปกครองนั้นมักจะออกมาเคลื่อนไหวการทำกิจกรรมในลักษณะที่ทำให้สังคมเคยชินกับการด่าสถาบันทำให้เห็นว่าสังคมสามารถก้าวล่วงสถาบันกษัตริย์ได้

ส่วนประเด็นที่หลายคนกังวลว่าหากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายทักษิณแล้ว นายทักษิณจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ เนื่องจากอาศัยอยู่ต่างประเทศ ส่วนตัวมองว่า คดีล้มล้างการปกครอง สามารถจับได้หมดและมีกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนจะจับได้หรือไม่ไม่ใช่ประเด็น แต่สังคมต้องรู้ว่าประเทศไทยทุกวันนี้ปั่นป่วนหรือวุ่นวาย อีกทั้งปัญหาปากท้องแท้จริงแล้วเกิดจากกลุ่มคนเหล่านี้ที่ต้องการขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นประธานาธิบดี ในประเทศ ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศเพื่อให้กลุ่มของตนนั้นโกงกินได้อย่างสะดวก และขณะนี้นายทักษิณก็มีความลำบาก มีกระแสข่าวว่า ประเทศดูไบไม่ให้ที่อยู่ และอีกหลายประเทศไม่ให้ที่อยู่และหากโดนคดีกบฏถือเป็นคดีใหญ่เนื่องจากไทยมีสัมพันธ์ทางการทูต ดังนั้นการจับกุมนายทักษิณกับง่ายไม่ยาก เพราะมีเงินเยอะ ที่ยังคงป็นปัญหาครอบงำกับกลุ่มราชการยังเป็นทาสเงิน ซึ่งอาจส่งผลต่อคดีล่าช้าหากทุกภาคส่วนเอาจริงไม่ยอมทุกอย่างจะไปได้

ที่ผ่านมา หลายคนไม่เข้าใจ อย่างเช่น กลุ่มคนเสื้อแดงที่หลงคิดว่าได้รับเงินจากนายทักษิณ แต่หารู้ไม่ว่านายทักษิณสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับประเทศชาติบ้าง ดังนั้นแล้วตราบใดที่เราไม่จับกับกลุ่มคนเหล่านี้หรือกลุ่มนายทุนที่เอารัดเอาเปรียบประเทศไทยจะไม่มีวันเป็นสุขได้อย่างแน่นอน ขอคนไทยทุกคนช่วยกันหากจับนายทุนได้ อะไรที่เป็นสาธารณะประโยชน์ของประเทศก็จะกลับมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน ยังพบว่าการจัดตั้งกองทุนราษฎรประสงค์นั้น การจัดตั้งกองทุนต้องทำประโยชน์ให้สาธารณชน แต่กองทุนดังกล่าวนี้เป็นกองทุนที่ล้มล้างการปกครองซึ่งจะต้องมีคนถูกดำเนินคดี 2 คน คือ ชลิตา บัณฑุวงศ์ และไอดา อรุณวงศ์ฯ ซึ่งเป็นผู้ดูแลกองทุน ตามข้อกล่าวหาผู้ให้การสนับสนุนการล้มล้างการปกครองและภาษี 35% ของการระดมทุน รวมไปถึง 2 ทนายความ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส และนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทั้งคดีอาญา และความผิดจริยธรรมทนายความ ส่วนกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้นหากใครให้การเป็นประโยชน์นั้นก็จะกันไว้และให้ความช่วยเหลือทางคดีความ ส่วนผู้ที่ให้สถานที่ในการจัดการเคลื่อนไหวนั้นก็จะถูกดำเนินคดีด้วย เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 


อย่างไรก็ตามดร.ณฐพร ได้กล่าวทิ้งท้ายว่าสถาบันไม่เคยทำร้ายประชาชนมีแต่สร้างความดี และช่วยเหลือให้กับประชาชน เช่นสถานการณ์โควิด มีรถพระราชทาน แต่คนที่ทำร้ายทำร้ายประชาชนคือกลุ่มนายทุน ดังนั้น อยากให้สังคมเห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้ทำให้ประชาชนเดือดร้อน คนพวกนี้สมควรถูกดำเนินคดี

Exit mobile version