รัสเซียรุกข้ามแดนสู่ดอนบาสทุกทิศทาง ‘เซเลนสกี’ ยังห้าวสั่งรบต้าน แม้หน่วยทหารราบที่ 57 ในดินแดนดอนบาสยอมจำนนวางอาวุธ ขณะสหรัฐและนาโตเล่นบทนั่งบนภู เดินหน้าคว่ำบาตรก๊อกสอง แต่ยืนยันจะไม่ส่งกองทัพนาโตช่วยยูเครนรบ แค่ส่งกำลังเสริมไปยังยุโรปตะวันออกประชิดชายแดนรัสเซียป้องกันการสู้รบขยายวงสู่ยุโรป
วันที่ 25 ก.พ.2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานเปิดคำแถลงของปธน.วลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียในการตัดสินใจสั่งปฏิบัติการพิเศษทางทหารในดอนบาส-ยูเครน เมื่อวานนี้ว่า เป็นไปเพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้นำของ “สาธารณรัฐโดเนตสก์และลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน
ปูตินแถลงข่าวทางโทรทัศน์ว่าเป้าหมายคือปกป้องประชาชนที่ถูกทารุณกรรมและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยทางการยูเครนมานาน 8 ปี โดยมีจุดมุ่งหมายให้ยูเครนเป็นดินแดนปลอดลัทธิทหารและระบอบขวาจัดสุดโต่ง ตลอดจนลงโทษผู้ก่ออาชญากรรมนองเลือดต่อพลเรือน ซึ่งรวมถึงพลเมืองของสหพันธรัฐรัสเซียด้วย
ทั้งนี้ ปูตินเน้นย้ำว่ารัสเซียยังคงเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก และผู้รุกรานจะต้องถูกกำราบจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
สถานการณ์ล่าสุด จากการรายงานของสำนักข่าวReuters BBC และ AP นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยืนยันว่านาโตจะไม่ส่งกำลังทหารเข้ายูเครนแต่จะเสริมแนวป้องกันยุโรปตะวันออก
นาโตได้เตรียมเสริมกำลังทหารทางฝั่งตะวันออกของยุโรป ซึ่งรวมถึงการเตรียมเครื่องบินรบจำนวนกว่า 100 ลำ และชี้แจงว่าการที่นาโตไม่ส่งกำลังทหารเข้าไปในยูเครน เนื่องจากยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต แต่จะเตรียมจัดประชุมฉุกเฉินทางไกลกับประเทศสมาชิกเพื่อหามาตรการรับมือสถานการณ์ในวันศุกร์ที่ 25 ก.พ.นี้นอกจากนี้ โปแลนด์ และฟินแลนด์ ประกาศพร้อมรับผู้อพยพจากยูเครน ขณะที่ยูเครนขอให้ตุรกีช่วยสกัดกั้นเรือรบของรัสเซียที่บริเวณทะเลดำด้วย
ในวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยถึง”ผลจากการโจมตีของกองทัพรัสเซีย กองทหารยูเครน 74 แห่งถูกทำลาย สนามบิน 11 แห่ง เสาบัญชาการ 3 แห่ง และสถานีเรดาร์ 18 แห่งของระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S-300 และ Buk-M1
โคนาเชนคอฟเสริมว่าเฮลิคอปเตอร์ทหารของยูเครนและโดรน 4 ลำก็ถูกยิงตกเช่นกัน เขากล่าวถึงกองกำลังดอนบาสซึ่งหมายถึง โดเนตสก์และลูฮันสก์ ยังคงโจมตีโดยได้รับการสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพรัสเซีย
โคนาเชนคอฟเรียกกองกำลังของฝ่ายโดเนตสก์และลูฮันสก์ว่า “กลุ่มติดอาวุธชาตินิยม” เขาบอกว่ากำลังต่อสู้กับฝ่ายยูเครนที่เป็นกองกำลังสุดโต่ง โดยอ้างว่ากองทหารยูเครนต้องการออกจากพื้นที่ของการสู้รบ และเปิดเผยว่ารัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เซอร์เก ชอยกู ได้สั่งให้กองทหารรัสเซีย “ปฏิบัติต่อทหารยูเครนด้วยความเคารพ”
ล่าสุดสำนักข่าวทาซซ์ เปิดเผยกว่าทหารของกองพลทหารราบยานยนต์ที่ 57 แห่งกองกำลังยูเครนสมัครใจวางอาวุธและบางส่วนหันไปร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ กองบัญชาการกองกำลังทหารของลูฮันสก์กล่าวว่า นักสู้ที่ยอมจำนน “จะได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านหลังจากสิ้นสุดสงคราม”
พื้นที่สู้รบใน คริมสกอย( Krymskoye) ตั้งอยู่ในดอนบาส และก่อนที่ความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของระบอบการปกครองของเคียฟ
ด้านสหรัฐ-ปธน.โจ ไบเดน สั่งคว่ำบาตรเพิ่มเติมโดยมีเป้าหมายจำกัดความสามารถของรัสเซียในการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดอลลาร์ ยูโร ปอนด์และเยน แต่ยังไม่ตัดขาดรัสเซียออกจากระบบธนาคารโลก SWIFT ท่ามกลางความเห็นต่างระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรว่าควรจะคว่ำบาตรหนักหน่วงแค่ไหน และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในประเทศว่าเขาควรดำเนินการมากกว่านี้
สหรัฐฯและนาโต ยังคงปฏิเสธส่งทหารของสหรัฐฯ เข้าไปปกป้องยูเครน แต่วอชิงตันไดัเสริมกำลังพันธมิตรนาโต้ในภูมิภาค ด้วยการส่งกำลังพลและเครื่องบินเข้าไปเพิ่มเติม
นอกเหนือจากสหรัฐฯ แล้ว สหภาพยุโรปที่มีสมาชิก 27 ประเทศ และพันธมิตรอื่นๆ ก็ได้แถลงมาตรการลงโทษภาคธนาคารของรัสเซียและบริษัทชั้นนำต่างๆ เช่นกัน เช่นเดียวกับควบคุมการส่งออก โดยมีเป้าหมายก่อความขาดแคลนแก่อุตสาหกรรม รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ด้านการทหารและผลิตภัณฑ์ไฮเทคอื่นๆ
ไล่ตั้งแต่สหรัฐฯ ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ต่างเรียงแถวออกมาประณามเครมลินรุมกันคว่ำบาตรตามวาระวอชิงตัน หลังการสู้รบที่ปะทุขึ้นโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อยุโรป
อย่างไรก็ตาม แม้มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและส่งเสียงประณามด้วยความเดือดดาล แต่ตะวันตกและพันธมิตรยังไม่มีแนวโน้มว่าจะส่งทหารเข้าไปยังยูเครน ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกนาโต้ เนื่องจากมันอาจเสี่ยงก่อเกิดสงครามในวงกว้างในยุโรป กระนั้นนาโต้ได้เสริมกำลังในรัฐสมาชิกทางยุโรปตะวันออก ในมาตรการป้องกันไว้ก่อน สกัดความเป็นไปได้ที่ประเทศเหล่านี้อาจถูกโจมตีเช่นกัน