จากที่เอเอฟพีรายงาน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียประกาศผ่านโทรทัศน์อย่างไม่มีวี่แววล่วงหน้าในเวลา 06.00 น.วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ตามเวลามอสโก ซึ่งตรงกับเวลา 10.00 น. ของไทยนั้น
ทั้งนี้เอเอฟพี ยังระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหาร โดยอ้างว่าต้องการทำให้ยูเครน “ปลอดการทหาร” แต่ไม่คิดยึดครอง และเรียกร้องให้ทหารยูเครนยอมวางอาวุธ พร้อมให้คำมั่นว่าทหารยูเครนสามารถออกจากสนามรบได้โดยจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
ขณะที่ นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า พยายามโทรหาปูติน แต่ไม่มีคนรับสาย มีแต่ความเงียบ และตอนนี้รัสเซียมีกำลังทหารราว 200,000 นายใกล้ชายแดนยูเครน ยืนยันว่าขณะนี้ยูเครนต้องการสันติภาพ แต่ถ้าหากมีการใช้ความรุนแรงก็พร้อมสู้กลับ
“ประชาชนชาวยูเคนและรัฐบาลยูเครนต้องการสันติ แต่ถ้าเราถูกโจมตีจนเป็นภัยต่อเสรีภาพและชีวิตของประชาชน เราก็จะสู้กลับ” นายเซเลนสกี กล่าว
ล่าสุดวันนี้ 25 กุมภาพันธ์ 2565 พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ตำหนินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังจากยูเครน ว่า
“การที่คุณ พิธาน จะสามารถพูดประโยคนี้ได้ แล้วทำให้รัสเซียรับฟัง นั่นหมายความว่า คุณพิธาน จะต้องมี อาวุธ ไม่ว่าจะเป็น นิวเคลียร์ เครื่องบินรบ เรือรบ ทหาร ที่มากกว่า อเมริกานะครับ เพราะขนาด โจ ไบเดน พูด ปูติน เขายังไม่ฟังเลย นี่คือสาเหตุที่สิงคโปร์มีเรือดำน้ำถึง 4 ลำ พม่า 2 ลำ เวียดนาม 3 ลำ
เรื่องนี้น่าจะเป็น บทเรียน สอนให้พวกโลกสวย เข้าใจนะครับ ว่ากำลังทางทหาร คือ อำนาจการต่อรอง ของประเทศ ในรูปแบบหนึ่ง ไม่งั้นต่อไปประเทศไทยก็ต้องพูดแบบประธานาธิบดี ยูเครน แน่นอน”
ทั้งนี้เมื่อข้อความของนายพิธา และโพสต์ของพลโทนันทเดช เผยแพร่ออกไป ทำให้มีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ตำหนินายพิธา ที่แสดงท่าทีไม่เหมาะสม ทั้งพล.ท.นันทเดช ยังได้ออกมาร่วมคอมเมนต์ด้วย เช่น
พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ “สิ่งที่ผมกลัว ถ้าคุณ พิธาน เป็นนายก อาจร่วมกับสหรัฐ ต่อต้านรัสเซีย ผลคือ ไทยเป็นขี่ข้าสหรัฐ ต้องทะเลาะกับจีน และชาติตะวันออกอีกหลายสิบชาติครับ”
“ถึงมีก็แบบจบแบบยูเครนครับ ยูเครนก็มีอาวุธ? ที่ผิดพลาดคือนโยบายของทางยูเครน ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่นำไปสู่ปัญหาอื่นที่มีผลลัพธ์ใหญ่กว่า และนี่คือความสำคัญของผู้นำและการตัดสินใจที่ถูกต้องครับ สงครามเป็นปลายเหตุไทยรอดมาได้หลายครั้งหลายคราเพราะเรามีกองเรือใหญ่กว่าตะวันตก?”
“คุณพิธานเลือกข้างชัดเจนไม่เป็นผลดีกับประเทศไทยครับ ดูแบบนี้ไม่เห็นวุฒิภาวะจะเป็นผู้นำประเทศได้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราไม่ตัดสินใจอะไรโดยไม่มีข้อมูลทั้งสองด้านครับ”
“จริงๆปูตินเคยเปิดเผยว่าตัวปูตินเองปวดหัวใจมากน่ะ ที่ชาวยูเครนซึ่งคือชาวรัสเซียด้วยกันในสมัยที่สหภาพโซเวียต รัสเซียล่มสลายปี2534 ช่วงนั้นปูตินยังเป็นคนขับรถแท็กซี่ ประเทศตกอยู่ด้วยความลำบากแร้นแค้น ชาวรัสเซียได้อพยพออกไปตั้งดินแดนใหม่ ชื่อว่ายูเครน แต่มีใจฝักใฝ่ในอเมริกาซึ่งเป็นศัตรูของรัสเซีย”
“ประเทศไทยยังโชคดีค่ะคนที่พูดแบบนี้ยังไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรในประเทศ ไม่งั้น แกคงจะพูดไปเรื่อย และมารู้ตัวอีกที อ้าวไม่ได้พูดในสภานี่หว่า.!!!! นี่มันของจริงนะคะ ไม่ใช่โรงลิเก !!!”
“ตอนเป็นผู้ชม ไม่ได้มีส่วนกำหนดนโยบาย ไม่ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา มันย่อมตัดสินใจง่ายๆครับ แค่อยู่บนหลักของเรื่องถูก-ผิด ขาว-ดำ แค่นั้นเอง
แต่ถ้าเขาได้มีโอกาสได้เป็นผู้กำหนดนโยบายเองบ้าง แล้วต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตามมา เขาอาจจะตัดสินใจอีกแบบก็ได้ครับ แค่พูดให้มันดูดี มันง่ายเสมอนั่นละครับ จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หลังจากเราพูดออกไป อันนี้ผมว่าสำคัญที่สุด ความคิดสุดโต่ง มันมองออกง่ายครับ”
