จากที่กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความกลุ่มราษฏร เปิดเผยศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัวอานนท์ นำภา และ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ในคดีการชุมนุมที่อยู่ในศาลอาญากรุงเทพใต้คนละ 1 สำนวนนั้น
ล่าสุดวันนี้ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เฟซบุ๊ก กองทุนราษฎรประสงค์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแจกแจงถึงรายรับและรายจ่ายเกี่ยวกับการใช้เงินประกันอย่างละเอียดว่า
“ขอแสดงใบเสร็จและสรุปรายรับรายจ่ายที่มีการระดมในรอบวันที่ 22-23 ก.พ. ดังรายละเอียดที่แจกแจงพร้อมหลักฐานด้านล่าง ทั้งนี้เราขอแจ้งภาพรวมเบื้องต้นก่อนว่า เนื่องจากเมื่อวานนี้ (23 ก.พ.) มีการเบิกสำรองเงินประกันเกินกว่าจำนวนที่ใช้จริงไป 1,430,000 บาทเพราะผิดคาด ไม่นึกว่าศาลจะยังคงไม่ให้ประกัน ดังที่ทุกท่านคงทราบแล้ว
จึงทำให้ทนายความและนายประกันต้องโอนเงินสำรองกลับคืนเข้ามา และทำให้ปนอยู่ยอดรายรับของวันที่ 23 ก.พ.เป็น 3,263,511.53 บาท ทั้งที่ในความเป็นจริง รายรับที่แท้จริงคือ 1,833,511.53 บาท ขณะที่ยอดรายจ่ายที่แท้จริงของวันที่ 23 ก.พ. คือ 272,000 บาท ไม่ใช่ 1,720,000 บาทซึ่งเป็นยอดที่มีเงินคืนสำรองปนอยู่ด้วย
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ยังมีผู้บริจาคบางท่านแจ้งมาว่าโอนเงินผิดบัญชีเนื่องจากเกิดการสับสนภาพคิวอาร์โค้ด และได้แสดงหลักฐานเพื่อขอรับเงินคืน เราจึงได้โอนคืนในวันที่ 23 ก.พ. จำนวน 20,000 บาท และเช้าวันนี้ (24 ก.พ.) อีก 500 บาท ดังหลักฐานตามที่แจกแจงด้านล่าง ความชุลมุนของการโอนผิดนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และแม้จะทำให้แอดมินผู้งุ่มง่ามต้องยุ่งยากสักหน่อยในการตรวจสอบควานหาหลักฐานจากยอดบริจาคที่เข้ามาเป็นรายยิบย่อยจำนวนมาก
แต่ก็มีผลพลอยได้ตรงที่ได้ถือเป็นโอกาสในการนำหลักฐานนั้นมาเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า เงินบริจาคที่เข้ามารอบสองวันนี้ที่รวมกันแล้วได้ถึง 15,295,165.74 บาทนั้น เป็นเงินที่เข้ามา “รายวินาที” ซึ่งเราใช้ตรวจสอบยอดเงินและวันเวลาของการโอนว่าตรงกับสลิปที่ผู้ขอรับเงินโอนผิดคืนแจ้งมาหรือไม่ จะเห็นว่าภายในนาทีเดียวกันมียอดเงินเข้ามาหลายยอดซ้อนกันเต็มไปหมด
และยังคงเป็นยอดยิบย่อยมหาศาล ทั้งนี้ เท่าที่แอดมินกวาดตาดูคร่าวๆ พบว่า ด้วยเหตุที่การระดมในรอบนี้มีเวลาจำกัดเพียงไม่กี่ชั่วโมง จึงทำให้มียอดบริจาคหลักพันและหลักหมื่นเข้ามาปนมากกว่าในรอบปกติก่อนๆหน้า ซึ่งเข้าใจได้เนื่องจากว่าทุกท่านมีความกังวลว่าจะระดมไม่ทัน จึงลงแรงลงขันกันมากกว่าที่เคย และทำให้กลายเป็นยอดเงินประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ยังคงมาจากราษฎรสามัญสารพัดทิศอีกเช่นกัน
แม้ว่าเพื่อนของเราจะยังคงไม่ได้รับอิสรภาพออกมาในวันนี้ แต่อย่างน้อยเราก็ค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกมาให้พวกเขาได้แล้วหลายบาน คงเหลืออีกเพียงไม่กี่บานที่ขวางกั้นไว้ เหลืออีกไม่กี่ชั่วอึดใจของการวัดใจ ว่าใครกันแน่คือผู้ที่กำลังทำทุกอย่างเพื่อยืนยันให้หลักการของกฎหมายยังคงดำรงอยู่
วันที่ 22 ก.พ. 65
- ยอดบริจาครวมทั้งสิ้น คือ 13,461,654.21 บาท
- ยอดรายจ่ายรวมทั้งสิ้น คือ 2,370,000 บาท แบ่งเป็น
2.1 วางประกัน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ศาลอาญารัชดาฯ 8 คดี ยอดรวม 980,000 บาท
2.2 วางประกัน อานนท์ นำภา ที่ศาลอาญารัชดาฯ 9 คดี ที่ศาลอาญา ยอดรวม 1,090,000 บาท
3.3 เงินวางประกันประชาชน 1 คน ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ในคดี 112 จากการสาดสี จำนวน 2 คดี ยอดรวม 300,000 บาท
วันที่ 23 ก.พ. 65
- ยอดรายรับรวมทั้งสิ้นของวันที่ 23 ก.พ. 65 คือ 1,833,511.53 บาท
- ยอดเบิกเงินสำรองจ่าย รวม 1,720,000 บาท แต่ใช้จ่ายจริง 272,000 บาท ดังนี้
2.1 วางประกัน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 150,000 บาท
2.2 วางประกัน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ศาลแขวงพระนครใต้ 20,000 บาท
2.3 วางประกัน ประชาชน 1 คน ที่ถูกยื่นฟ้องที่ศาลอาญารัชดา ในคดี 112 จากเหตุชุมนุมที่ดินแดงช่วง 13-14 ก.ย. 64 เงินประกัน 100,000 บาท
2.4 คืนเงินบริจาคที่ผู้บริจาคแจ้งหลักฐานยืนยันมาว่าเป็นการโอนผิดบัญชี จำนวน 20,000 บาท ดูหลักฐานสลิปและหลักฐานหน้าเคลื่อนไหวบัญชี
- รับคืนเงินสำรองจ่ายประกัน รวม 1,330,000 บาท คืนจากทนายความ สำหรับเงินประกันที่ไม่ได้ใช้ เนื่องจากเดิมคาดว่าจะต้องมีการวางประกันที่พริษฐ์และอานนท์ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลหรือสน.อื่นใดหากพบว่ามีการรออายัดเพิ่มเติม แต่ปรากฎว่าศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ให้ประกัน ทนายความจึงโอนเงินคืนกลับเข้าบัญชีแล้ว
- รับคืนเงินสำรองจ่ายประกัน จำนวน 100,000 บาทคืนจากนายประกัน ซึ่งไปรอวางประกันที่ สน.ทุ่งสองห้อง แต่ไม่ต้องวางประกัน เนื่องจากพริษฐ์ยังคงไม่ได้ประกันจากศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่เจ้าหน้าที่ได้มาแจ้งข้อกล่าวหาที่เรือนจำแล้วและแจ้งถอนหมายจับได้แล้ว จึงไม่ต้องวางประกันอีก นายประกันจึงโอนคืนกลับเข้าบัญชีแล้วดังสลิป
24 ก.พ. 65
- โอนเงินคืนผู้บริจาคที่แจ้งหลักฐานการโอนผิดบัญชีมาให้ จำนวน 500 บาท ดูสลิปในภาพ 31 และหน้าหลักฐานความเคลื่อนไหวบัญชี ยอดเงินคงเหลือในบัญชี ณ เช้าวันที่ 24 ก.พ. 65 คือ 13,873,667.08 บาท ดังหลักฐานในภาพที่ 1 ดูหลักฐานสรุปรรายรับรายจ่าย”