หลังจากที่ปธน.วลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ประกาศ รับรองสาธารณรัฐโดเนตสก์และลูฮันสก์ในภูมิภาคดอนบาสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ตามมาด้วยบริวารอย่างอังกฤษ เยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น และล่าสุดออสเตรเลียและฝรั่งเศสเข้าร่วมวงรุมคว่ำบาตรรัสเซียด้วย เหล่านักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญภูมิรัฐศาสตร์โลกทั้งฝั่งจีนและยุโรป ประเมินว่า รัสเซียเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกและยังไม่เพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด เพราะการคว่ำบาตรเป็นสิ่งที่คาดเดาไว้อยู่แล้ว
วันที่ 23 ก.พ.2565 สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า มอสโกว์ให้คำปฏิญาณอย่างหนักแน่นต่อการคว่ำบาตรของสหรัฐฯและพันธมิตรตะวันตกว่า จะดำเนินการตอบโต้กลับอย่างสาสม ทั้งมั่นใจว่าจะทำให้วอชิงตันเจ็บปวดเอง
กระทรวงการต่างประเทศกล่าวในแถลงการณ์ว่า “ไม่ต้องสงสัยเลย การลงโทษจากตะวันตกจะส่งผลให้เกิดการตอบสนองที่รุนแรง โดยไม่จำเป็นต้องยั้งมือ ซึ่งมีการคำนวณมาอย่างดี และสร้างความเจ็บปวดสำหรับฝ่ายอเมริกัน” มอสโกยังเน้นย้ำด้วยว่านโยบายคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เป็นการต่อต้านรัสเซีย แต่กลับกลายเป็นผลสะท้อนกลับของวอชิงตันด้วย
ถ้อยแถลงระบุว่า การต่อต้านรัสเซียรอบนี้เป็นการคว่ำบาตร ครั้งที่ 101 ซึ่งก็จะไม่บรรลุเป้าหมายทำอะไรรัสเซียไม่ได้ สหรัฐมีความพยายามอย่างต่อเนื่องมาหลายปี เพื่อจะเปลี่ยนแปลงวิถีทางของรัสเซีย และขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซีย แต่ทั้งหมดนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
“รัสเซียได้พิสูจน์แล้วว่า แม้จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรับมือกับการข่มเหงของตะวันตก แต่เราสามารถลดความเสียหายได้ และยิ่งไปกว่านั้น แรงกดดันจากการคว่ำบาตรไม่สามารถส่งผลกระทบต่อความมุ่งมั่นของเราที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนรัสเซีย”
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อมาตรการคว่ำบาตรของวอชิงตันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ข้อจำกัดดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่แบนพันธบัตรของรัสเซีย เช่นเดียวกับธนาคารและบุคคลหลายรายหลังจากมอสโกยอมรับอย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐ Donbass ทั้งสองแห่ง ได้แก่โดเนตสก์(DPR) และลูฮันสก์ (LPR) เป็นรัฐอิสระ ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ลงนามในพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้นำของทั้งสองสาธารณรัฐยื่นอุทธรณ์ต่อมอสโก เรียกร้องให้กองกำลังยูเครนหยุดการคุกคามทางทหารอย่างรุนแรงในภูมิภาคนี้
การตัดสินใจรับรองเอกราชโดเนตสก์และลูฮันสก์มีขึ้นในขณะที่กองกำลังยูเครนเพิ่มการโจมตี 2สาธารณรัฐในดอนบาส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้พลเรือนหลายหมื่นคนต้องหลบหนีไปยังเมืองรอสตอฟของรัสเซีย การระดมยิงหลายครั้งต่อโดเนตสก์และลูฮันสก์ ได้รับการยืนยันโดยภารกิจติดตามขององค์กรเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ในดอนบาส
OSCE ย่อมาจากOrganization for Security and Co-operation in Europe มีสมาชิก 57 ประเทศจากยุโรป เอเชียกลาง และอเมริกาเหนือ OSCE เป็นองค์กรด้านความปลอดภัยระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ด้านผลกระทบจากการคว่ำบาตรเศรษฐกิจของสหรัฐและตะวันตกกับรัสเซียนั้น นักวิเคราะห์และนักลงทุนมองว่าไม่ใช่รัสเซียเท่านั้นที่จะรับผลร้าย สหรัฐและตะวันตกเองก็จะต้องเผชิญปัญหาด้านวิกฤตพลังงานด้วย
Leonid Gankin บรรณาธิการต่างประเทศของหนังสือพิมพ์คอมเมอร์แซนต์( Kommersant) ของมอสโกว์วิเคราะห์ว่า การที่สหรัฐยังไม่กดปุ่มนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย เพียงแค่แบนต่อคนชั้นสูง เศรษฐี และทีมผู้บริหารของปูติน สะท้อนว่า การคว่ำบาตรพลังงานต่อรัสเซียขั้นสูงสุด จะกลับย้อนไปส่งผลต่อไบเดนและสหรัฐอย่างไม่ต้องสงสัย คนอเมริกันคงไม่มีความสุขนักที่ราคาน้ำมันจะขึ้นและดันราคาสินค้าพุ่ง ส่งผลเงินเฟ้อกระฉูด และแน่นอนจะส่งผลต่อการเมืองในอเมริกาที่จะขับเคี่ยวกันอย่างหนักในการเลือกตั้งกลางเทอมปีนี้
สำหรับสงครามใหญ่นั้นตอนนี้ยังคงไม่เกิด แต่หากเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นฝันร้ายของภูมิภาคลามสู่ยุโรปแน่นอน สหรัฐฯ และพันธมิตรมีทางเลือกเดียว คือ พูดคุยกับมอสโกวต่อไป
เจพี มอร์แกน(JPMorgan)ส่งเสียงเตือนว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้นและคลื่นกระแทกอื่นๆ จากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างน่าเป็นห่วง
CNN รายงานว่านักยุทธศาสตร์การลงทุน กล่าวเมื่อวันอังคารในการอัปเดตให้กับลูกค้าว่า “ราคาพลังงานที่อ่อนไหวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของธนาคารกลางที่เน้นแก้ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ อาจทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและแนวโน้มการเติบโตของนักลงทุนลดลง”
ด้านยุโรป หลังจากอังกฤษ แคนาดา เยอรมนีประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของยุโรปพุ่งเกิน 1,000 ดอลลาร์ต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตรทันทีในวันพุธที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 7% ต่อวัน ตามรายงานของสำนักหักบัญชีลอนดอนของ Intercontinental Exchange
