สงครามใหญ่ปะทุ!!สภาสูงรัสเซียหนุนส่งกองทัพสู้นอกบ้าน สหรัฐ-บริวารเฮโลคว่ำบาตร ไบเดนสั่งเคลื่อนพล

1251

สหรัฐฯ คว่ำบาตรรัสเซียชุดแรกฐานรับรอง 2 รัฐเอกราช ไบเดนสั่งเคลื่อนพลแล้วแต่ยังปากดีแค่ตั้งหลักไม่มีเจตนาเปิดศึกมอสโกว์ ยังคงพูดอย่างทำอีกอย่างเสมอ เรื่องนี้รัสเซียรู้ดี สภาสูงรัสเซียไฟเขียวปูตินส่งกองทัพสู้ศึกนอกประเทศได้ สำหรับการคว่ำบาตรขู่มาเป็นปีแล้ว รัสเซียเสียใจแต่ไม่เปลี่ยนใจ เพราะมั่นใจแล้วว่าสหรัฐและนาโตมีแผนในการคุกคามรัสเซียแน่นอน นอกจากนี้เหล่าประเทศบริวารสหรัฐ ทั้งอังกฤษ เยอรมันแคนาดาและญี่ปุ่นตอบสนองวาระวอชิงตันอย่างเอาการเอางาน 

สถานการณ์เดือดระอุครั้งนี้ ย่อมไม่อาจมองข้ามความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะครั้งใหญ่ เพราะปัจจัยภายในของสหรัฐและอังกฤษเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศหนักหนาเกินรับไหว วิธีแก้ปัญหาของมหาอำนาจในประวัติศาสตร์ใช้สงครามสยบความเน่าเฟะภายในบ้านตนเองมาโดยตลอดครั้งนี้ก็อาจไม่ต่างกัน 

วันอังคารที่ 22 ก.พ.2565 ปธน.โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานรัสเซียพุ่งเป้าเหล่าเศรษฐีและสถาบันการเงิน 2 แห่งของรัสเซีย สำหรับกรณีที่สั่งการให้ทหารเข้าไปประจำการใน 2 รัฐ โดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งรัสเซียได้ให้การรับรองในฐานะเป็นรัฐเอกราช ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงรัฐสภารัสเซียได้อนุมัติให้อำนาจปธน.ปูตินส่งกองทัพรัสเซียไปต่างประเทศได้ 

การอนุญาตดังกล่าวให้สิทธิ์แก่ปูตินในการใช้กำลังของรัสเซียในต่างประเทศตามหลักการและบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ มติของวุฒิสภาที่เผยแพร่สู่สื่อมวลชน แสดงให้เห็นว่าไม่ได้กำหนดข้อจำกัดเฉพาะใด ๆ เกี่ยวกับการใช้กองทัพ จำนวนทหาร ตลอดจนพื้นที่ของกิจกรรม เป้าหมาย และระยะเวลาในการอยู่นอกรัสเซีย  ทั้งนี้มอบอำนาจให้สิทธิ์ในการตัดสินใจและบัญชาการโดยประธานาธิบดีตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของรัสเซีย

ปธน.ไบเดนอ้างว่า ที่สั่งเคลื่อนพลเป็นการตอบโต้รัสเซีย ที่ยังไม่ถอนกองกำลังออกจากเบลารุส ซึ่งอยู่ทางเหนือของยูเครน  ไบเดนกล่าวว่าเขาได้สั่งการให้เคลื่อนกำลังทหารสหรัฐฯ และยุทโธปกรณ์ที่อยู่ในยุโรปอยู่ก่อนแล้ว เพิ่มเติมเข้าไปยังเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย เพื่อเสริมความเข้มแข็งแก่ประเทศสมาชิกนาโตเหล่านี้

การยอมรับของปธน.สหรัฐยิ่งตอกย้ำแผนการปิดล้อมรัสเซียที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยการดึงประเทศอดีตสหภาพโซเวียตมาเป็นสมาชิกนาโต พร้อมทั้งเสริมกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์จ่อคอหอยรัสเซีย  เป็นไปตามการวิเคราะห์ของปธน.ปูตินที่แถลงก่อนหน้านี้อย่างชัดแจ้ง

ทั้งนี้ด้านเศรฐกิจสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรสโมสรฟุตบอล CSKA ของรัสเซีย โดยอ้างว่าบริษัทกีฬา CSKA เป็นบริษัทย่อยของ ธนาคารเวสเชโคนอมVnesheconombank (VEB) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการพัฒนาและการลงทุนของรัฐ

ต่อมาเหล่าบริวารสหรัฐฯต่างขานรับการคว่ำบาตรของไบเดนอย่างคึกคัก อังกฤษออกหน้าก่อนใครอย่างเอาการเอางาน ประกาศคว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย เยอรมนีระงับท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 2 แคนาดาและ ญี่ปุ่นพร้อมเฮโลตามสหรัฐ เหตุการณ์เช่นนี้รัสเซียคาดเดาได้ และมีการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า แต่แน่นอนย่อมส่งผลกระทบหนักหนาสาหัสต่อเศรษฐกิจรัสเซีย และกระแทกวงกว้างทั้งโลกไม่เว้นประเทศไทยด้วย

สถานการณ์ลุกลามถึงการปะทะด้านทหารในพื้นที่พิพาทยูเครนและ 2 รัฐอิสระเป็นจุดระเบิดของการต่อสู้อย่างเข้มข้นของฝ่ายมหาอำนาจสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกกับรัสเซียแน่นอนแล้ว เพราะความพยายามทางการทูตยาวนานหลายเดือนประสบความล้มเหลว  เนื่องจากสหรัฐและตะวันตกตีสองหน้าตลอด ปากให้สัมภาษณ์ว่ายึดถือการเจรจา แต่ทำสงครามข่าวสารโฆษณาชวนเชื่อสร้างภาพรัสเซียจะบุกยูเครนและเจรจาแบบบังคับต้องให้รัสเซียทำตามข้อเรียกร้องของวอชิงตันฝ่ายเดียว

เจรจาทุกครั้งสหรัฐและนาโตปฏิเสธข้อเรียกร้องของด้านหลักประกันความปลอดภัยของรัสเซียอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรทุกเรื่อง อ้างไม่เคยให้คำสัญญาว่านาโตจะไม่ขยายสมาชิก ตลอดจนไม่ตอบรับมารตรการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป รัสเซียใช้ความอดทนกับการตบหัวแล้วลูบหลังด้วยลมปากของสหรัฐ กับท่าทีก้าวร้าวข่มขู่ของนาโตมากว่าครึ่งปี บัดนี้แจ่มชัดว่า ไม่ว่ารัสเซียจะทำอะไร สหรัฐฯและพันธมิตรตั้งธงไว้แล้วว่าจะคุกคามรัสเซียจนถึงที่สุด

สถานการณ์ตึงเครียดสูงขึ้นเมื่อยูเครนลั่นกระสุนปืนครกใส่โดเนตสก์และลูฮันสก์ หลายร้อยครั้งในรอบ 24 ชั่วโมง ประเด็นนี้สื่อตะวันตกจะรายงานตามคำสัมภาษณ์ของฝ่ายยูเครนตลอดว่า เป็นข่าวเท็จไม่ใช่เรื่องจริง  แต่หลักฐานทั้งภาพและรายงานจากองค์กรความมั่นคงยุโรป หรือที่เรียกว่า OSCE:the Organization for Security and Co-operation in Europe ในพื้นที่พิพาท เปิดเผยว่ากลุ่มติดอาวุธยูเครนละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ละเมิดการหยุดยิงทั้งหมด 2,158 ครั้งในเขตโดเนตสก์ (DPR)ตลอด 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง 20 ก.พ.2565

ทำให้ต้องอพยพประชาชนในพื้นที่เข้าหลบภัยในเมืองชายแดนรอสตอฟ ของรัสเซีย ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันซึ่งมีคนชรา ผู้หญิงและเด็กอพยพเข้ารัสเซียแล้วกว่า 6 หมื่นคน สถานการณ์ในพื้นที่เป็นเช่นนี้ สหรัฐและสื่อตะวันตกรวมทั้งยูเครนยังยืนยันว่าเป็นเฟคนิวส์และเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัสเซีย  จนกระทั่งรัสเซียเด็ดชีพหน่วยพิเศษที่เข้าไปก่อวินาศกรรมในแผ่นดินรัสเซีย จังหวัดรอสตอฟที่ผู้อพยพพักพิงอยู่ ทั้งหมดสะท้อนว่า คงยากจะหยุดยั้งการเคลื่อนไหวปะทะทางทหารในพื้นที่ขัดแย้งอีกต่อไป

คำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรของปธน.ปูติน หลังรับรองโดเนตสก์และลูฮันสก์เป็นรัฐเอกราช จึงต้องระบุให้กองทัพพันธมิตรตะวันออกฯเข้าประจำการพร้อมปกป้อง2 รัฐเอกราชในที่สุด