สืบเนื่องจากกรณีที่นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ได้โพสต์ข้อความทางบัญชีทวิตเตอร์เมื่อ 17.54 น ของวันที่ 22 ก.พ. 65 ระบุว่า “ข่าวดี ศาลอาญา ให้ประกันตัวอานนท์ นำภากับเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ทุกคดีแล้ว แต่ติดปัญหาเงินกองทุนราษฎรประสงค์ไม่เพียงพอสำหรับวางศาล ขอแรงทุกคนระดมช่วยกันครับ”
จนต่อมาเพจกองทุนราษฎรประสงค์ ได้โพสต์ข้อความระดมบริจาค ระบุว่า เรียน ราษฎรที่เคารพ เราต้องใช้เงิน สองล้านแปดหมื่นบาท ภายในหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า เพื่อวางประกันอานนท์ นำภา และพริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ศาลอาญา และต้องใช้อีกราว หนึ่งล้านบาท วางประกันทั้งสองคนที่ศาลอาญากรุงเทพใต้วันพรุ่งนี้ ทำให้มีผู้คนแห่บริจาคช่วยเหลือจำนวนมาก จนได้เงินครบตามจำนวนที่ต้องการ แล้วทางเพจกองทุนได้แจ้งอีกว่า เราได้วางเงินจำนวน 2,070,000 บาท ให้แก่ศาลอาญารัชดาฯ เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา พริษฐ์ ชิวารักษ์ และอานนท์ นำภา ไม่มีธุระให้ต้องถูกจำขังระหว่างพิจารณาคดีทุกคดีในนามศาลอาญาแล้ว คงเหลือคดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้และศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะมีการยื่นประกันในวันพรุ่งนี้ต่อไป ถ้าไม่มีคดีอื่นรออายัดตัวนอกจากนี้ วันพรุ่งนี้ทั้งสองคนควรจะได้รับอิสรภาพในการออกมาต่อสู้คดีนอกเรือนจำได้แล้ว
นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้จะมีการยื่นประกันผู้ต้องหาทะลุแก๊สอีกสองคน (ซึ่งวันนี้ยื่นไปแล้วแต่ศาลอาญาไม่อนุญาต พรุ่งนี้จะยื่นใหม่) และผู้ต้องหาคดีสาดสี 112 อีกหนึ่งคน ซึ่งวันนี้เพิ่งประกันเขาไป 300,000 บาทที่ศาลจังหวัดธัญบุรีและพรุ่งนี้ยังต้องประกันอีกคดีที่เขายังถูกอายัดต่อ ใบเสร็จทั้งหมดอยู่ระหว่างรวบรวมและจะนำมาแสดงให้ครบถ้วนดังเช่นเคยในวันพรุ่งนี้ คืนนี้เราเพียงขอแวะมาบอกยอดเงินในบัญชีล่าสุดให้ท่านสบายใจก่อนว่า #เราพร้อม #ราษฎรพร้อม
ทั้งนี้น่าตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งที่เพจกองทุนม็อบมีการโพสต์ระดมบริจาค ในบางเคสของแกนนำ กลับได้รับความสนใจในเวลารวดเร็ว และไม่มีข้อกังขาที่จะช่วยเหลือ เหมือนเทียบกับเคสของ “ไบร์ท ชินวัตร” ที่ได้รับการช่วยเหลือวางเงินประกันตัว แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือด้วยดีทุกครั้ง เพราะเจ้าตัวต้องออกมาระดมทุนเอง จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำอะไรไม่ได้ นอกจากโพสต์ขอรับบริจาคเงิน จนเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 ได้มีคอมเม้นต์จากกลุ่ม 3 นิ้ว บุกถามไปยังหน้าเพจเฟซบุ๊กของกองทุน ว่าทำไมจึงไม่ช่วยไบร์ท เหมือนแกนนำคนอื่น ๆ ครั้งนั้นทางเพจจึงได้แจ้งกลับ ดังนี้ว่า “กองทุนฯเสียใจอย่างยิ่งค่ะ ที่เกิดความเข้าใจผิดเช่นนี้ขึ้น ทั้งนี้โดยข้อเท็จจริงและโดยความสัตย์จริง กองทุนฯยังไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือแก่คดีใดก็ตามที่มีทนายความติดต่อประสานมา “ไม่เคยปฏิเสธแม้แต่คดีเดียว” กล่าวเฉพาะคุณชินวัตร จันทร์กระจ่าง นั้น ในรอบปี 2564 กองทุนฯวางประกันตัวให้แก่เขามาแล้วทั้งสิ้น 11 คดี เป็นเงินรวม 1,150,000 บาท
ทำให้มีการเปรียบเทียบข้อมูลในปี 2564 ที่ทนายอานนท์ นำภา ได้ทำลิสต์แจ้งว่า เฉพาะคดีตัวเองได้ใช้เงินกองทุนไปเกือบ 2 ล้าน ทั้งนี้น่าจับตามองว่า คดีของไบร์ท ชินวัตรนั้นมีมากถึง 11 คดี จำเป็นต้องใช้เงินประกันมาก จึงอาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่กองทุนไม่สามารถจะใช้เงินทั้งหมดไปช่วยเหลือได้ จนทำให้กลุ่ม 3 นิ้วบางส่วนมองว่านี่คือการลอยแพไบร์ท ชินวัตร เนื่องจากไร้ราคาแล้ว และยังไร้มวลชนไปให้กำลังใจเหมือนแต่ก่อนด้วย แต่เมื่อเทียบกับเคสของอานนท์ และเพนกวิน ไม่ว่าจะมีการขอรับบริจาคเงินกี่ครั้ง กลุ่มมวลชนจะพร้อมใจช่วยเหลือ ทั้งที่คดีของเพนกวิน โดนมากกว่าไบร์ท ชินวัตรด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามจึงเป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า ภายในการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้วนั้น มีการแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ทั้งการสนับสนุนแกนนำรายบุคคล หรือสนใจแกนนำคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ รวมทั้งกรณีที่ไบร์ท เคยมีประเด็นล่วงละเมิด จึงอาจทำให้มวลชนไม่ให้ราคา ไม่อยากช่วยเหลือเมื่อเทียบกับการช่วยเพนกวินและทนายอานนท์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำและสะท้อนให้เห็นว่า ความเท่าเทียมในม็อบนั้นไม่มีอยู่จริง