ฮือฮากันทั้งโลก เมื่อรัสเซียรับรอง “สถานะเอกราช” พื้นที่ขัดแย้งในภาคตะวันออกยูเครนแล้ว ประธานาธิบดีรัสเซียประกาศว่า เขตโดเนตสก์และลูฮันสก์ ในภาคตะวันออกของยูเครน “คือรัฐเอกราช” และสั่งให้กองทัพรัสเซีย “ปฏิบัติการรักษาสันติภาพ” ในพื้นที่ด้วย ขณะที่สหรัฐลงนามคว่ำบาตรพื้นที่ขัดแย้งซึ่งหมายถึงดอนบาสทันที ทำยูเครนเรียกร้องนาโตขอการสนับสนุนทางทหารและขอติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ อ้างเพื่อปกป้องยุโรปจากรัสเซีย นั่นหมายความว่ายูเครนประกาศชักธงรบกับรัสเซียอย่างออกนอกหน้าแล้ว
สถานการณ์ตอนนี้ระอุเดือดเป็นสนามรบแล้วในภูมิภาคดอนบาส ชุลมุนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แม้สหรัฐและตะวันตกจะเตรียมการโหมโฆษณาสงครามมานานว่ารัสเซียจะรุกรานยูเครน แต่ข้อเท็จจริงเมื่อรัสเซียนิ่งอยู่ในที่ตั้ง ฝ่ายยูเครนลั่นกระสุนก่อนทำให้โดเนตสก์และลูฮันสก์เร่งอพยพประชาชนคนชรา ผู้หญิงและเด็กเข้าชายแดนรัสเซียกว่า 50,000 คนแล้ว
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ลงนามในกฤษฎีกา รับรอง “ความเป็นเอกราช” ของ “สาธารณรัฐโดเนตสก์” และ “สาธารณรัฐลูฮันสก์” ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้งสองเขต ในภูมิภาคดอนบาส หรือภาคตะวันออกของยูเครน โดยการลงนามของผู้นำรัสเซีย ซึ่งมีการถ่ายทอดสด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นไปตามมติเรียกร้องของสภาผู้แทนราษฎร หรือสภาดูมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ความรุนแรงเสียเลือดเนื้อในดินแดนโนเนตส์และลูฮันสก์เริ่มขึ้นในวันศุกร์ที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการระดมยิงด้วยปืนครกและสาดกระสุนจากกองกำลังยูเครนหลายร้อยครั้งใน 24 ชั่วโมง เกิดคาร์บอมบ์กลางเมืองหลวงโดเนตสก์และวางระเบิดท่อส่งน้ำมันของบริษัทเอกชนในดอนบาส ขณะที่ยูเครนอ้างมีการยิงถล่มโรงเรียนอนุบาลจากฝั่งโดเนตสก์ และนำเรื่องนี้ไปเสนอในที่ประชุมมิวนิกทำให้ตะวันตกรับปากจะส่งกำลังทหารหนุนยูเครน ทั้งสหรัฐ-โปแลนด์-แคนาดาและเนเธอร์แลนด์ ด้านฝรั่งเศสและเยอรมนีไม่เห็นด้วยที่จะส่งกองทหารไปยังยูเครน
ปธน.ปูตินแถลงว่า ยูเครนเป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งของรัสเซียมาตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ และภาคตะวันออกของยูเครนเป็นดินแดนของรัสเซียมาแต่โบราณ ประชาชนในพื้นที่มีเชื้อสายสล๊าฟและพูดภาษารัสเซีย และเขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ชาวรัสเซียจะสนับสนุนการตัดสินใจและการดำเนินการของเขา จากนั้นได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหม “จัดภารกิจรักษาสันติภาพ” ในโดเนตสก์และลูฮันสก์ ตลอดจนพื้นที่ชายแดนรัสเซียที่ติดกับสองรัฐชาติทั้งสองทันที
นอกจากนี้ ปูตินเรียกร้องให้รัฐบาลเคียฟยุติปฏิบัติการทางทหารในสาธารณรัฐทั้งสองแห่ง และยืนยันว่า การตัดสินในเกี่ยวกับสถานะของโดเนตสก์และลูฮันสก์ “ควรเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว” และทิ้งท้ายว่าตราบใดที่ยูเครนยังคงมีความมุ่งหวังร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต เรื่องนี้ยังคงถือเป็นการคุกคามโดยตรงต่อรัสเซีย
ด้านทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ว่า ผู้นำรัสเซียสนทนาทางโทรศัพท์ กับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ก่อนการลงนามเกิดขึ้น “เพียงไม่กี่ชั่วโมง” เพื่อแจ้งข้อมูลทั้งหมดให้ทราบล่วงหน้า ซึ่งทั้งสองคนแสดงความผิดหวังแต่ก็ไม่มีหนทางแก้ไขหรือหยุดยั้งปฏิบ้ติการทางทหารของยูเครนในพื้นที่ดอนบาสแต่อย่างใด
สื่อฝ่ายตะวันตกสะท้อนภาพ ความเคลื่อนไหวของมอสโกว์ว่า เป็นการโหมไฟใส่ความขัดแย้ง และระบุว่าเพราะรัสเซียต้องการรุกรานยูเครนดังคำกล่าวอ้างของสหรัฐและพันธมิตร นอกจากนี้ยังไม่เลิกชื่นชมสหรัฐ และตำหนิว่า ปูตินทำลายความพยายามนาทีสุดท้ายในการจัดประชุมซัมมิตของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯเพราะการประชุมนี้มีเป้าหมายเพื่อขัดขวางรัสเซียไม่ให้รุกรานยูเครน
สื่อตะวันตกทำเป็นลืมไปแล้วกระมังว่า การพยายามเจรจาของรัสเซียต่อสหรัฐ-นาโตดำเนินมาหลายเดือนตั้งแต่ปีที่แล้ว ผลคือ สหรัฐและพันธมิตรปากพูดอย่างทำอีกอย่างมาโดยตลอด เวลาให้สัมภาษณ์ก็ว่าสหรัฐและพันธมิตรยืดแนวทางการทูต แต่ออกมาให้สัมภาษณ์ข่มขู่รัสเซียว่า ถ้าไม่ทำตามวาระวอชิงตันจะโดนคว่ำบาตรสาหัสและส่งหน่วยพิเศษและทหารรับจ้างเอกชนมาประจำการในยูเครน พร้อมให้เงินสนับสนุนอย่างเป็นทางการถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัสเซียคงเบื่อเล่นบทยอมให้สหรัฐตบหัวแล้วลูบหลังไม่จบสิ้น แล้วปล่อยให้ยูเครนทำร้ายคนรัสเซียติดรั้วบ้านตามอำเภอใจ
คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า สงครามตัวแทนครั้งนี้จะจำกัดวงแค่ สงครามในพื่นที่หรือจะลามไปสู่ภูมิภาคยุโรป และก้าวข้ามถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 เพราะสงครามในพื้นที่ดอนบาสวันนี้ ไม่ใช่ยูเครนกับโดเนสต์และลูฮันสก์อีกต่อไปแล้ว เมื่อสองรัฐเอกราชลงนามเป็นทางการกับรัสเซีย พร้อมขอความช่วยเหลือแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เท่ากับเป็นความชอบธรรมที่รัสเซียจะออกหน้าปกป้องพันธมิตรอย่างเป็นทางการเพื่อขับไล่การคุกคามจากภายนอก
ต่างจากฝั่งตะวันตกที่ให้การสนับสนุนทั้งเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร แต่ยังไม่กล้าส่งกำลังทหารอย่างเป็นทางการมาลุยกับรัสเซียอย่างเปิดเผย เพราะวันนี้ไม่ได้รบกันด้วยกำลังทหารราบอย่างเดียว และอาวุธทำลายล้างขั้นสูง ก็ไม่ได้มีแค่สหรัฐและยุโรปฝ่ายเดียวเท่านั้น??