Truthforyou

ครบ2 ปี ยุบอนาคตใหม่! คนไทย จี้ คดีอาญา “ธนาธร” พวกอีก15 ไปถึงไหน โวยลั่นสุดอืด?

ครบ2 ปี ยุบอนาคตใหม่! คนไทย จี้ คดีอาญา “ธนาธร” พวกอีก15 ไปถึงไหน โวยลั่นสุดอืด?

จากกรณีที่วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2565) เป็นวันครบรอบ 2 ปี ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค โดยนายธนาธร และกรรมการบริหารพรรค 15 คน ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 10 ปี โดยกระบวนการทั้งหมดเป็นการดำเนินคดีทางการเมือง

ต่อมาทางด้านของ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร และโฆษกพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า ครบรอบ 2 ปี #ยุบพรรคอนาคตใหม่ พวกเราคือผู้คนและการเดินทาง จับมือกันรวมกันก้าวไป สู่หนทางประชาธิปไตย #พรรคก้าวไกล #อนาคตใหม่

ในขณะที่มีแนวร่วมของกลุ่มสามนิ้ว ก็ได้โพสต์ข้อความว่า วันที่ความหวังมีแสงสว่างที่สุด แต่ถูกดับด้วยอำนาจมืดของเผด็จการ 21 ก.พ.65 ครบรอบ 2 ปียุบพรรคอนาคตใหม่ #อนาคตใหม่

ในขณะที่ทางด้าน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กด้วยว่า

21 ก.พ. 63 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่
21 ก.พ. 65 คดีอาญาจากการยุบพรรคยังเงียบสนิท

ย้อนไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ปี 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค โดยนายธนาธร และกรรมการบริหารพรรค 15 คน ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 10 ปี โดยกระบวนการทั้งหมดเป็นการดำเนินคดีทางการเมือง

ต่อมา กกต. มีการพิจารณาความผิดทางอาญาของ นายธนาธร และกรรมการบริหารพรรค 15 คน ซึ่งนับตั้งแต่มีคำสั่งยุบพรรค ใช้เวลา 8 เดือน ล่าสุด (26 ต.ค.2563) กกต. มีมติชี้มูลความผิด นายธนาธร กระทำผิดตาม มาตรา 66 ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.พรรคการเมือง กรณีบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

ส่วนกรรมการบริหารพรรค 15 คน มีความผิดตาม มาตรา 66 วรรค 2 ประกอบมาตรา 72 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง กรณีรับบริจาคเงินเกิน 10 ล้านต่อปี มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท โดย กกต. มีคำสั่งให้สำนักงาน กกต. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป

ขณะที่การยึดทรัพย์ส่วนที่เกินจากเงินบริจาค 10 ล้านบาท ที่กฎหมายกำหนดให้ยึดเข้ามาไว้ในกองทุนเพื่อพัฒนาการเมืองนั้น กกต.ยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นนี้ ซึ่งมีรายงานว่าที่ประชุมมีข้อถกเถียงเป็น 2 ทาง คือ สำนักงาน กกต. เห็นว่า กกต. สามารถสั่งยึดเงินบริจาคในส่วนที่เกินกว่า 10 ล้านบาท เข้ามาไว้ยังกองทุนได้ แต่ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กกต. กลับเห็นว่า กกต. ไม่สามารถยึดเงินนั้นมาไว้ในกองทุนได้ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ไปแล้ว จึงไม่มีพรรคให้ กกต. เรียกเก็บเงินเข้ากองทุน

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 สื่อหลายสำนักรายงานอ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า ที่ประชุม กกต. มีมติให้สำนักงาน กกต. แจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 15 ราย กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากกระทำผิดตาม มาตรา 66 ประกอบมาตรา 77 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 กรณีการกู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาทจากนายธนาธร ในฐานะหัวหน้าพรรค

รายงานข่าวระบุอีกว่า การดำเนินคดีกับนายธนาธร คือความผิดฐานบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท/ปี ให้แก่พรรคการเมือง ตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ โดยโทษตามมาตรา 124 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่อีก 15 ราย มีความผิดฐานกระทำความผิดตามมาตรา 66 วรรคสอง และมาตรา 72 ประกอบมาตรา 137 พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ กรณีรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลโดยมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท/ปี และรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีโทษตามมาตรา 125 และมาตรา 126 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท

ส่วนกรณีการกู้เงินจำนวน 191.2 ล้านบาท ที่มาตรา 125 กำหนดว่า ให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 66 ตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองนั้น รายงานข่าวระบุว่า กกต. ยังไม่ได้ข้อยุติในส่วนนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีความเห็นแตกต่างกันระหว่างสำนักงาน กกต. และคณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. โดยฝ่ายสำนักงาน กกต. เสนอว่า สามารถที่จะยึดเงินเข้ากองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองได้ แต่คณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. เห็นว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค จึงไม่เหลือพรรคการเมืองที่จะให้ กกต. ไปเรียกเงินมาเป็นของกองทุนได้

สำหรับรายชื่ออดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ 15 ราย ที่ถูกดำเนินคดีพร้อมกับนายธนาธร ได้แก่ 1.นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรค น.ส.กุลธิดา จึงรุ่งเรืองเกียรติ นายชำนาญ จันทร์เรือง พล.ท.พงศกร รอดชมภู นายรณวิต หล่อเลิศสุนทร น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรค นายไกลก้อง ไวทยการ นายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ อดีตนายทะเบียนพรรค นายสุนทร บุญยอด นางเยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ นายสุรชัย ศรีสารคาม นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ นายชัน ภักดีศรี น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ และนายนิรามาน สุไลมา

โดยคดีนี้ถือเป็นคดี “อาญา” ล่าสุดมีโทษจำคุกที่ธนาธรต้องเผชิญ ก่อนหน้านี้ก็มีคดี อาญา อย่างน้อย 4 คดี

คดีแรก เป็นคดีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งความให้ดำเนินคดีนายธนาธร กรณีรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีคุณสมบัติใน การสมัครรับเลือกตั้งส.ส. แต่ยังใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เข้าข่ายความผิดมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561

อันเป็นผลพวงมาจากที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2562 “ศาลรัฐธรรมนูญ” ได้มีคำวินิจฉัยให้สมาชิกภาพส.ส.ของ ธนาธร สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) จากกรณีถือหุ้นสื่อ บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ในวันที่ 6 ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ ยื่นบัญชีรายชื่อ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อต่อ กกต. โดยคดีนี้มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2564 ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้นำตัวธนาธร อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องคดีส่งให้อัยการแล้ว และอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 19 ก.พ. 2564

อีกคดีอาญาที่น่าสนใจคือ กรณีคณะก้าวหน้า ของ 3 แกนนำคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ ช่อ-พรรณิการ์ วานิชถูกร้องเรียนต่อ กกต. ในกรณีการกระทำคล้ายพรรคการเมือง ในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม มาตรา 111 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

สำหรับความผิดตาม มาตรา 111 พ.ร.ป. พรรคการเมือง ระบุว่า ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่มี ลักษณะคล้ายกับพรรคการเมือง อาจต้องโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งอาจต้องถูกตัดสิทธิทาง การเมืองเป็นเวลา 5 ปี

Exit mobile version