คาร์บอมบ์บึ้มกลางเมืองหลวง รัฐอิสระโดเนตส์หลังจากที่ผู้นำของโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ประกาศอพยพพลเรือนในวันศุกร์ที่ผ่านมา และจะอพยพไปยังรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกวาดต้อนในกรณีที่ยูเครนบุกโจมตีล่าสุดมีรายงานว่าประชาชนจากพื้นที่พิพาทหนีเข้าเขตรัสเซียแล้ว25,000 คน
วันที่ 19 ก.พ.2565 สำนักข่าวเดอะมอสโกไทมส์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า เดนิส ปูชิลิน ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ (Denis Pushilin, leader of the self-proclaimed Donetsk People’s Republic)กล่าวในแถลงการณ์ว่า เขาคาดว่าการรุกรานทางทหารจากกองกำลังยูเครนซึ่งได้รับการสนับสนุนด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์จากประเทศตะวันตก “ขณะนี้พร้อมที่จะบุกดอนบาสด้วยกำลัง” มีการระดมยิงด้วยปืนครกและอาวุธหนักอื่นๆมากถึง 29 ครั้งในระยะเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
เขากล่าวว่ากองกำลังทหารของพวกเขาพร้อมที่จะสู้รบ แต่พลเรือนในพื้นที่ควบคุมมีความเสี่ยงที่จะถูกกวาดจับในห้วงชุลมุน หัวหน้าสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์เตือนว่า“นั่นคือเหตุผลที่เริ่มการอพยพประชาชนจำนวนมากไปยังสหพันธรัฐรัสเซียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” พร้อมเสริมว่ากลุ่มผู้เปราะบาง เช่น ผู้หญิง เด็ก และผู้สูงอายุจะได้รับการให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก
พร้อมด้วยลิโอนิด ปาเซคนิก(Leonid Pasechnik) ผู้นำสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ (Luhansk :LPR) เรียกร้องให้ประชาชนอพยพออกจากภูมิภาค
ปูชิลินกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัสเซียในเขตรอสตอฟ(Rostov) ที่อยู่ติดชายแดน คาดว่าผู้อพยพจะไหลเข้ามาและกำลังจัดหาสิ่งจำเป็นแก่ประชาชนอพยพ โดยเร่งกระบวนการผ่านแดนให้เร็วขึ้น เขาเรียกร้องให้ผู้คนในท้องถิ่น“เอาใจใส่คำเตือนและตัดสินใจอย่างถูกต้อง” โดยกล่าวว่าการย้ายถิ่นฐานจะเกิดขึ้นชั่วคราวและเพื่อช่วยชีวิตผู้คนจากอันตรายของสงครามปราบปรามของกองทัพยูเครน
ถ้อยแถลงดังกล่าวเปิดเผยหลังจากผู้สังเกตการณ์ OSCE และผู้นำยูเครนเดินทางไปยังยูเครนตะวันออกเพื่อติดตามสถานการณ์ตามแนวแบ่งส่วนที่เรียกว่าเขตกันชนต่างๆ มีรายงานว่ามีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
ประเทศตะวันตกอ้างว่ารัสเซียกำลังเตรียมการรุกรานยูเครนของต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่ามอสโกกำลังเตรียม ปฏิบัติการ “ธงเท็จ”เพื่อสร้างความชอบธรรมในการโจมตี
แต่มอสโกปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่า วิธีเดียวที่จะเกิดการสู้รบได้ คือถ้ายูเครนพยายามใช้กำลังทหารอีกครั้งสู้กับหน่วยทหารของรัฐอิสระ เพื่อเข้ายึดพื้นที่ และทำร้ายประชาชนซึ่งมีเชื้อชาติสลาฟพูดภาษารัสเซีย เท่ากับว่าเคียฟล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนหยุดยิง ตามข้อตกลงสันติภาพมินสค์ ซึ่งทั้งยูเครนและผู้นำของสาธารณรัฐอิสระทั้งสองลงนามร่วมกันในปี2014/2557 และ 2015/2558 หลังจากการรัฐประหารในยูเครนและการสู้รบปะทุขึ้นในภูมิภาค
-ย้อนกลับไปในปี 2014 เกิดสงครามครั้งใหญ่ในยูเครนตะวันออก เมื่อเกิดจลาจลและรัฐประหารไมดานในกรุงเคียฟ โค่นล้มรัฐบาลที่นิยมรัสเซีย ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐอเมริกาชูรัฐบาลหุ่นฝ่ายนิยมนีโอนาซีเถลิงอำนาจ ทำให้ มณฑลโดเนตสก์ และลูฮันสก์ หรือที่มักเรียกรวมกันว่า “ดอนบาส”ประกาศแยกตัว
-ความตึงเครียดถึงจุดเดือดเมื่อนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนรัสเซียหลายคนถูกเผาทั้งเป็น ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงในเมืองต่างๆ ของยูเครนตะวันออกบุกยึดอาคาร สร้างสิ่งกีดขวาง ทางการยูเครนสั่งให้ “ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย” เข้าปราบผู้
-รัสเซีย,ยูเครนและรัฐอิสระทั้งสองร่วมลงนามใน ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งมีการตกลงหยุดยิง แต่ก็ยังคงมีการปะทะตามแนวชายแดนเกิดขึ้นเป็นระยะ เหตุปะทะที่ชายแดนรัสเซียและยูเครนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 14,000 คน
-โดเนตสก์และลูฮันสก์แยกตัวออกมาตั้งสาธารณรัฐเอกราช ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ รวมทั้งรัสเซียด้วย การปะทะทางทหารที่เขตต่อชายแดนของดอนบาสจึงเกิดขึ้นเสมอ และกระชั้นถี่มากขึ้นเมื่อสหรัฐและนาโตโหมกระพือข่าวรัสเซียจะบุกยูเครนนานหลายเดือน และประกาศสนับสนุนยูเครนทั้งอาวุธและหน่วยพิเศษจนกระทั่งล่าสุดปะทุสู่ความรุนแรงจนต้องอพยพประชาชน
At the exit from the unrecognized republics in the east of Ukraine to the Rostov region of Russia, a multi-kilometre traffic jam formed.
Via: @RT_com pic.twitter.com/COK7I88qML
— 301🇦🇲 (@301_AD) February 18, 2022
ล่าสุด สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า ประชาชนประมาณ 25,000 คนจากสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ (LPR) ได้ข้ามพรมแดนเข้าเขตรัสเซียแล้ว หนีจากความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมืองดอนบาส
โฆษกกระทรวงเหตุฉุกเฉินของรัสเซียกล่าวว่า“พลเมือง LPR 25,000 คนได้ข้ามพรมแดนแล้วโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว” เขาเสริมว่าขณะนี้มีการจัดตั้งขบวนรถอีก 3 ขบวนซึ่งมีผู้ลี้ภัยทั้งหมดประมาณ 10,000 คน