Truthforyou

แกะรอย “อนุทิน” ถือโพย 260 เสียงให้คำมั่นนายกฯ! สัญญาณตรงบิ๊กบุรีรัมย์ “มันจบแล้วครับนาย” ??

แกะรอย “อนุทิน” ถือโพย 260 เสียงให้คำมั่นนายกฯ! สัญญาณตรงบิ๊กบุรีรัมย์ “มันจบแล้วครับนาย” ??

จากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมสนทนาในรายการ Care Talk x Care ClubHouse ตอน จุดสิ้นสุดรัฐบาลตู่ พลิกเกมสู้ของแพง วันนี้นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติตัวดี แต่ฝ่ายการเมืองละเลงกันเละ ละเลงกันสนุก วันนี้มีข่าวว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน โดนวัคซีนไล่ฉีดกันเป็นแถว 20 ล้าน 30 ล้าน จะเตรียมย้ายพรรคอะไรต่ออะไร เตือนไว้นะ มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปร่วมประชุมกับพรรครัฐบาลอยู่ ตนรู้ว่าชื่ออะไร แจกคนละ 2 แสนเป็นรายเดือน แต่เอาตังค์ที่ไหนมา 

“ผมอยู่ดูไบรู้หมดนะ ที่บอกว่าเอารายชื่อ 260 เสียงไปโชว์นายกฯ เหรอ ก็จริงนะ ก็จิ้มไปเยอะ แต่ขณะเดียวกัน ส.ส.เหมือนไก่ชน ถ้าชนแพ้กิโลละ 35 บาท ถ้าชนชนะ ตัวละ 3 แสน ดังนั้น ส.ส.กลัวสอบตกอย่างเดียว แต่ระหว่างที่ยังไม่สอบใครเอาตังค์มาให้รับหมด แต่ถึงเวลาจะสอบต้องคิดว่าจะสอบตกหรือเปล่า ถ้าตกก็ไม่ได้ไป” 

นายทักษิณกล่าวว่า สรุปแล้วนายกฯ ปล่อยบ้านเมืองมากไปหน่อย ปล่อยนักการเมืองเละ ปล่อยข้าราชการเละ ทำให้เศรษฐกิจบ้านเมืองแก้ยาก ทำให้เศรษฐกิจบ้านเมืองฉิบหายหมด  

ส่วนจุดสิ้นสุดของรัฐบาลอะไรตัวชี้วัดนั้น นายทักษิณกล่าวว่า ที่นายอนุทินพูดว่า มีเสียง 260 เสียง มือในสภา ไม่สำคัญเท่าศรัทธาประชาชน วันนี้รัฐบาลกำลังทำให้ศรัทธาประชาชนตกลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการไร้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ปล่อยให้เศรษฐกิจตกต่ำ และมีกฎกติกาที่บังคับให้ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ มีคอร์รัปชั่นอยู่มากทั้งระดับราชการและรัฐบาล จึงทำให้รัฐบาลขาดศรัทธา

“เหมือนตอนผมหาเสียง ก็บอกใครแจกเงินก็แจกไป รับไปเลยนะ ถ้าให้น้อยให้ขอเพิ่ม บอกว่าเอาไปตั้งเยอะทำไมเอามาให้น้อยจัง เงินพี่น้องทั้งนั้น แต่อย่าเลือกต่อ ถ้าเลือต่อก็จนต่อไป ต้องมาเลือกเพื่อไทย สุดท้ายคุณปูแลนด์สไลด์ ให้เห็นชัดว่า ถ้าเลือกตั้งต่อจากรัฐบาลที่อ่อนแอ ฝ่ายค้านได้เปรียบมาก สิ่งที่จะทำให้จบ ก็คือ ศรัทธาของประชาชน” นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวว่า และการเมืองไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์ มันมีเทคนิคเยอะ บางพวกแจกกล้วย บางพวกฉีดวัคซีน แต่ส่วนเรา ยืนบนหลักการอย่างเดียว ใครแหกคอกก็ว่ากันไป นี่คือหลักการฝ่ายค้านเขาเดินไปอย่างนี้ ก็สู้กันไป แต่ผมไม่เชื่อว่า ถ้ารัฐบาลอยากลากไปเรื่อย ๆ ถามว่าลากเพื่อใคร อยากเป็นเจ้าภาพเอเปกเหรอ หากยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็อาจจะเป็นรัฐบาลที่จัดเอเปกที่หล่อกว่าเดิม แต่ถ้าแพ้เลือกตั้ง ก็ให้คนที่เขาได้รับไว้วางใจจากประชาชนมาจัด เท่กับประเทศมากกว่า 

“ผมดูแล้ว ยังไงก็ไปยาก แม้จะเหนียวอย่างไรก็ไปยาก แม้จะเกลี่ยผลประโยชน์ให้พรรคร่วมได้ประโยชน์มากมายอย่างไรก็ตาม ผมก็ว่าไปยาก เพราะว่าชาวบ้านไม่เอา” นายทักษิณกล่าว

นายทักษิณกล่าวว่า ถ้าเป็นปกติ โดยทั่วไปศรัทธาตกขนาดนี้มันจบแล้ว แต่ท่านประยุทธ์ ท่านหลับไม่รู้คู้ไม่เห็นเรื่องชาวบ้านชอบไม่ชอบ จะอยู่อย่างนี้ มันจะจบอย่างไรก็จบอยู่ในมือสภา เพราะศรัทธาประชาชนบอก ส.ส.แล้วว่าถ้ายังดันต่อไปไม่เอาด้วยแน่ 

ซึ่งมีรายงานว่า ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์แพ้ในการยกมือตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องออกจากตำแหน่ง จะมีการสรรหานายกฯคนใหม่ ไม่มีสิทธิยุบสภาได้  ทำให้นายทักษิณกล่าวติดตลกตอนหนึ่งว่า “อาจจะมีผู้นำบางคน Hijack ความเป็นนายกฯก็ได้” จากนั้นผู้ร่วมรายการพยายามซักให้ขยายความ แต่นายทักษิณตอบว่า “ต้องทิ้งไว้ก่อน ผมชอบพูดทิ้งช่วง”

ล่าสุดทางด้าน นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวว่า

อนุทินถือโพย 260เสียง บีบไข่ใคร?
1 ในขณะที่ทำเนียบร้อนยิ่งกว่า นั่งอยู่กลางแดด ในเทศกาลเดือนเมษายน เพราะเสียงฝ่ายรัฐบาลในสภาปริ่มน้ำเต็มทีแล้ว จู่ๆนายอนุทินก็ถือโพยว่ามีสส.ในมือ 260 เสียง เพื่อปลอบใจพลเอกประยุทธ์ ทำให้หลายคนงงเต๊กว่าเกิดอะไรขึ้น?
2 ต้องรู้ก่อนว่า เรื่องนี้ เป็นการส่งสัญญาณตรงมาจากบุรีรัมย์ มิฉะนั้นไหนเลยจู่ๆนายอนุทินจะถือโพย 260 เสียงมากล่าวอ้างแบบนี้ คนบุรีรัมย์ส่งสัญญาณอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ชัดก็คือไม่ได้ส่งสัญญาณถึงผู้กองธรรมนัส หรือลุงป้อม แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงลุงตู่โดยตรงว่าในมือมีโพย 260 เสียงอยู่ ลุงตู่จะว่าอย่างไร???
3 โพย 260 เสียงนี้ จะเป็น ใครบ้าง เป็นฝ่ายไหนบ้าง มีแต่คนบุรีรัมย์เท่านั้น ที่รู้สายสนกลในเรื่องนี้ !!!!
อาจจะเป็นสส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดหรือบางส่วน หรือเป็นส.ส.ฝ่ายค้านเป็นส่วนใหญ่และมีส.ส. ฝ่ายรัฐบาล รวมกันเป็น 260 เสียง ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น!!!!
ความหมายของสัญญานนี้คือ พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้กุมชะตากรรมของพลเอกประยุทธ์อยู่ในมืออย่างเด็ดขาด
เพราะถ้า 260 เสียงนี้ ให้อยู่ก็อยู่ได้ ถ้าไม่ให้อยู่ก็ต้องไป
ลุงป้อมหรือพรรคพลังประชารัฐ ที่มีเสียงข้างมากอยู่ในสภา ไม่เคยที่จะอ้างแบบนี้ เพราะจะว่าเป็นการให้ความมั่นใจก็ได้ จะว่าเป็นการยื่นคำขาดบีบไข่ก็ได้สุดแท้แต่จะคิดกัน!!! “มันจบแล้วนาย”เวอร์ชั่นใหม่ช่างคลาสสิคจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ย้อนไปก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่า “หนูช่วยหน่อยนะ” ภายหลังการประชุม ศบค.เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ช่วงสายวันเดียวกัน (14 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามตนว่า “พี่พูดกับหนูเมื่อไหร่” ตนจึงระบุไปว่า ก็จำไม่ค่อยได้ แต่เป็นธรรมดา หาก พล.อ.ประยุทธ์ บอกให้ช่วย ก็ต้องช่วยกันทำงาน เป็นหน้าที่อยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ พูดทำนองนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า “หนูช่วยหน่อยนะ” ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าให้ช่วยเรื่องอะไร แต่เป็นการช่วยทำงาน ช่วยให้ทุกอย่างเกิดความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยวันดังกล่าว ได้ยืนยันตัวเลข 260 เสียงกับนายกฯ จริงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตัวเลขนี้ไม่รู้มาจากไหน แต่ยืนยันจะพยายามทำให้เกิดความมีเสถียรภาพให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่า ในการอภิปรายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 แม้ไม่มีการลงมติ แต่ ภท.จะช่วยเหลือรัฐบาลอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องสนับสนุนนายกฯเต็มประตูอยู่แล้ว นายกฯยังไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดไปจากนโยบายที่ได้แถลง ทุกอย่างเป็นไปตามทำนองคลองธรรม สิ่งที่ท่านทำทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศ ด้วยความเป็นรัฐบาลด้วยกันเราก็ต้องสนับสนุน ต้องช่วยกัน

เมื่อถามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ก.พ. จะมีการพิจารณาประเด็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นวาระการประชุม เมื่อถามย้ำว่า หากมีการพิจารณาแล้วผลไม่เป็นไปตามที่ ภท.ต้องการ จะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวสวนกลับมาว่า ให้มันเกิดขึ้นก่อน ต่อข้อถามว่า กรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หากพิจารณาแล้วไม่ว่าผลจะออกมาทิศทางใด เมื่อเข้าสู่การอภิปราย ภท.จะยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูว่าจะเข้ามาในรูปแบบไหน จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ในรายละเอียดต้องให้ผู้เกี่ยวข้องนำมาชี้แจงในที่ประชุม  ครม.

เมื่อถามว่า ผลการพิจารณาดังกล่าว จะส่งผลต่อท่าทีของ ภท. ในสภาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คนอนุมัติเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือ ครม. คงต้องรอให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นก่อน เพราะยังไม่ทราบว่าหากรัฐมนตรีได้ฟังการหารือกันของสองหน่วยงาน นำเหตุผลมาว่ากัน ผลจะออกมาอย่างไร อาจจะยังไม่มีข้อสรุปออกมาก็ได้ และยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของรัฐบาล เป็นเพียงความเห็นที่ไม่ตรงกันของสองหน่วยงาน เป็นของเรื่องของการทำงาน ไม่เกี่ยวกับการเมือง

เมื่อถามว่า ท้ายที่สุดแล้ว หากเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามความต้องการของ ภท. จะกระทบถึงการถอนตัวออกจากรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เจตนารมณ์ของ ภท. คือ ตอบสนองความสะดวกของประชาชน สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและบ้านเมืองเท่านั้นเอง ยืนยันเป็นความเห็นที่ต่างกันของสองกระทรวงที่ต้องไปหาจุดลงตัวกันให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ประธานในที่ประชุมอาจจะลงมติ มติออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ ภท.ไปทะเลาะกับพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ายิ่งให้เคลียร์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาจากการจัดสรรของนายกฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไหนเลย ยืนยันเป็นเรื่องของการทำงาน ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมือง

เมื่อถามว่า จะไม่ทิ้งเรือลำนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ผมเคยบอกไว้แล้ว มาด้วยกันก็ไปด้วยกัน ช่วยกันทำงานไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
Exit mobile version