คนยโสธร เฮสนั่น! สุดารัตน์ นำทัพ “ไทยสร้างไทย” เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รุ่นใหม่ ไฟแรง!?

1331

หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาเคลื่อนไหว ระบุถึงพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า ผมคิดว่า ท่านประยุทธ์ เป็นพญาหงส์ คงไม่กล้าลงหนองน้ำเล็ก เขาปล่อยไส้เดือน กิ้งกือลง การตั้งพรรค ตั้งธงปุ๊ปก็รู้แล้วว่าพรรคใหญ่ พรรคเล็กอะไร แปลกที่พรรคใหม่ สร้างทั้งนั้น สรุปแล้ว ชาติพังไปแล้วใช่ไหมเลยต้องสร้างใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่า หมายรวมถึงพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่กำลังมีบทบาททางการเมืองในตอนนี้เช่นกันด้วย เนื่องจากพรรคใหม่มาแรง บวกกับตัวคุณหญิงสุดารัตน์ มีฐานเสียงทางการเมืองไม่ใช่น้อย จึงไม่แปลกที่นายทักษิณ จะเปรียบเปรยเหน็บแหนมเรื่องชื่อพรรค เพราะขณะนี้พรรคไทยสร้างไทย ก็ได้ลงพื้นที่อีสาน ที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน แต่กระแสเปิดตัวผู้สมัครส.ส. กลับมาแรงมาก ทำให้นายทักษิณต้องออกมาเคลื่อนไหว พูดเรื่องปมชื่อพรรค

โดยวันนี้ “ไทยสร้างไทย” เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.รุ่นใหม่ ไฟแรง จ.ยโสธร เจ้าตัวเครื่องร้อนพร้อมลุยทุกงาน มั่นใจกองทุนคนตัวเล็ก บำนาญประชาชน ถูกใจพี่น้องเมืองบั้งไฟ ย้ำเกษตรกรชาวไร่ ชาวนา ต้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้ตลอดทั้งปี

 

 

บรรยากาศที่อ.เมือง จ.ยโสธร คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้เปิดตัวนางสุภาพร สลับศรี นายวรายุทธ จงอักษร และนายสรวิศ เดชเสน เป็นว่าที่ ผู้สมัครส.ส.จังหวัดยโสธร พรรคไทยสร้างไทย

โดยนางสุภาพร เป็นว่าที่ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 1 อดีตเคยเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร และเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีอยู่ทั้งหมด 30 คน ขณะเดียวกันยังมีประสบการณ์ ด้านสาธารณสุข เคยเป็นพยาบาลวิชาชีพมายาวนานถึง 20 ปี ก่อนจะลาออกมาโลดแล่นบนถนนการเมือง และประสบความสำเร็จได้เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดในเวลาต่อมา ก่อนจะตัดสินใจครั้งสำคัญลาออกมาร่วมขับเคลื่อน ผลักดันนโยบายร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย

ด้านนายวรายุทธ เป็นว่าที่ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 2 จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนเข้าสู่ถนนการเมืองเคยทำงานในภาคเอกชน ประสบความสำเร็จด้านการนำเข้าสินค้าเคมีภัณฑ์

แต่เมื่อเห็นความเหลื่อมล้ำในบ้านเกิดเมืองนอน เห็นความอยุติธรรมในสังคม ก็อดไม่ได้ที่จะอาสาเข้ามาเป็นที่พึ่งที่หวังให้พี่น้องประชาชน จึงตัดสินใจร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทยเพื่อแก้ปัญหาให้คนในท้องถิ่น ทั้งราคาพืชผลทางการเกษตร การแก้ปัญหาระบบชลประทาน โดยเฉพาะปัญหาน้ำทำการเกษตร เพื่อผลักดันให้พี่น้องมีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่สำคัญมั่นใจว่า นโยบายของพรรคไทยสร้างไทย เป็นนโยบายที่ตอบโจทย์พี่น้องประชาชนคนตัวเล็ก เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาในทุกระดับ

เช่นเดียวกับนายสรวิศ เดชเสน ทายาทอดีต ส.ส.วิสันต์ เดชเสน ซึ่งเป็นอดีตผู้แทนราษฎร ของจังหวัดยโสธรถึง 8 สมัย ได้รับมอบหมายจากพรรคให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร ในเขตเลือกตั้งที่ 3 ก่อนเข้าสู่ถนนการเมืองตามรอยบิดา เคยเป็นวิศวกรด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในระดับสูงโดยเฉพาะการพัฒนา App K Plus แต่เนื่องจาก เคยติดตามบิดาลงพื้นที่ เห็นความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด จึงอยากทำอะไรที่เกิดประโยชน์และทรงคุณค่าต่อสังคม ซึ่งมั่นใจว่าการมาร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทยจะตอบโจทย์ในสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะนโยบายหลักของพรรค ที่เป็นการดูแลคนตัวเล็ก เกษตรกร ผู้ประกอบการ ให้เข้าถึงโอกาส เข้าถึงทุน และมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า ปัญหาที่เกิดกับพี่น้องเกษตรกร พี่น้องประชาชนคนตัวเล็ก พรรคไทยสร้างไทย พร้อมยืนเคียงข้าง และจะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลักการของพรรค ที่มุ่งดูแลประชาชน ตั้งแต่เกิดจนแก่ ให้หายจน หมดหนี้ มีรายได้ตลอดทั้งปี เริ่มต้นจากการพักหนี้ เติมทุน โดยจะมีกองทุนคนตัวเล็ก สามารถกู้ได้ตั้งแต่ 5,000ถึง 50,000บาท ดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ1ต่อเดือน เพื่อใช้ในการตั้งตัว ใช้ในยามฉุกเฉิน และที่สำคัญจะใช้ในการปลดหนี้นอกระบบ ซึ่งถือเป็น”บัตรเครดิตประชาชน”โดยเงินทุนดังกล่าวถ้ารักษาเครดิตให้ดี จะอยู่ติดตัวพี่น้องประชาชนไปตลอดชีวิต และจะเป็นหลักประกันทางด้านการเงินให้พี่น้อง ขอให้มีความซื่อสัตย์และมีใจไม่จำเป็นต้องมีหลักค้ำประกัน แต่ถ้าตั้งใจจะกู้แล้วโกง ก็จะสามารถกู้ได้เพียงครั้งเดียวและท้ายที่สุดก็ต้องนำชีวิตไปฝากไว้กับหนี้นอกระบบ ที่ดอกเบี้ยแพงมหาโหด

นอกจากนี้พรรคไทยสร้างไทย จะดูแลผู้สูงอายุ ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ด้วยนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท โดยมีหลักการสำคัญ คือมุ่งดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้แข็งแรง มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมไทย และจะเป็นการลดภาระ ลดความกังวลของลูกหลาน ทำให้มีเงินตั้งตัวได้เร็วขึ้น ไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุในครอบครัว และที่สำคัญยังเป็นการกระจายรายได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เกิดการหมุนเวียน ฟื้นฟูสังคม ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ให้กลับมาเข้มแข็งรวดเร็วยั่งยืนอีกครั้ง ขณะที่ผู้สูงอายุจะเข้าศูนย์ฝึกอบรม เพื่อสร้างสุขภาพให้แข็งแรงสร้างสมองให้แข็งแรง และจิตใจแข็งแรง สามารถกลับมาช่วยเหลือสังคม ครอบครัวลูกหลานได้