จากกรณีที่น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกด ผู้ต้องหาคดี 112 แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และม็อบที่เรียกตัวเองว่าราษฎร ได้โพสต์เฟซบุ๊กหลังจากประกาศลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปทุมธานี ในนามพรรคก้าวไกล และเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้ลงพื้นที่ในชุมชนย่านปทุมธานี พร้อมกับนายพิธา หัวหน้าพรรค
รวมทั้งเจ้าตัวได้โพส์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า เกดยังยืนยันค่ะ ว่าจะใช้พื้นที่ในรัฐสภาเพื่อผลักดันข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดลดงบประมาณสถาบันกษัตริย์เพื่อนำงบประมาณมาใช้ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทย ตลอดจนการแก้ไขมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น สภาจะต้องเป็นกลไกคลี่คลายความขัดแย้งของสังคมไทยค่ะ
“ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” เพื่อรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่ “ล้มเจ้า” เกดเชื่ออย่างใจจริงว่าประเทศเรามีทั้งคนที่รักศรัทธาสถาบันกษัตริย์และคนที่หมดรัก มันไม่ผิดเลยที่เราจะไม่รักใคร(แล้ว) และเราบอกให้คนอื่นหยุดรักไม่ได้เช่นกัน การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์คือทางสายกลางสำหรับทั้งสองฝ่าย เกดต้องการให้งบประมาณสามหมื่นกว่าล้านบาทของสถาบันกษัตริย์ (ปี 2565) ถูกแบ่งสรรบางส่วนไปเป็นงบประมาณสร้างสวัสดิการของประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาค โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤตของโรคระบาดและเศรษฐกิจในเวลานี้ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ต้องดำเนินงานภายใต้การตรวจสอบตามกฎหมาย หากเรายังเชื่อว่า มนุษย์บนโลกใบนี้มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ก็ไม่ควรมีใครมีสถานะเหนือกฎเกณฑ์ที่สังคมตกลงร่วมกัน
ล่าสุดได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ว่าลูกเกด ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะลงสมัครส.ส. ได้ ทั้งโดนคดี 112 เป็นแกนนำม็อบสร้างความแตกแยก ชาวบ้านและคนปทุมธานีเขาทานข้าวเป็นอาหาร อย่าเพิ่งดีใจไปว่าเขาจะเลือก เพราะเอาเรื่องสถาบันฯมาชูวิสัยทัศน์ ยังมีพลังเงียบอีกมาก ที่เขาจะไม่เลือกก้าวไกล
ขณะที่หลาย ๆ คอมเม้นต์ของพี่น้องปทุมธานี ก็ประกาศไว้ว่า ไม่เลือกพวกสามกีบ ไม่เลือกพวกพาดพิงสถาบันฯ ไม่เลือกพรรคที่จาบจ้วง หากอยากลงสมัครก็ลองดู ได้วัดใจประชาชน และประชาชนบางส่วนจะสั่งสอนคุณเอง