Truthforyou

เร่งลดค่าครองชีพ!!คลังชงลดภาษีดีเซล เข้าครม.นัด15 ก.พ.นี้ นักวิชาการหนุนเต็มที่ คาดคุมได้ครึ่งปี

กระทรวงการคลัง เล็งเสนอกฎหมายขอลดภาษีน้ำมันดีเซลไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร แก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง หลัง “บิ๊กตู่” เรียกประชุมลับได้ข้อสรุป ใช้กลไกกองทุนฯ และภาษีเข้ามาช่วยคู่กัน

วันที่ 11 ก.พ.2565 เกิดกระแสข่าวที่ว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่จะเกิดขี้นในวันที่ 15 ก.พ.ที่จะถึงนี้ กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงไม่เกิน 3 บาทต่อลิตร โดยออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….

สืบเนื่องจาก “นายกฯ เรียกประชุมหน่วยงานต่าง ๆ มาประชุมลับเพื่อออกกฎหมายลดภาษีสรรสามิตน้ำมันดีเซล แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงตอนนี้ โดยได้ข้อสรุปว่าจะใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เข้ามาแก้ปัญหาควบคู่กัน เหมือนที่เคยทำมาในช่วงรัฐบาลก่อน”

การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเชลครั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน พร้อมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาหารือลับ เพื่อจัดทำรายละเอียดเสนอต่อที่ประชุมครม.พิจารณาเมื่อเร็วๆนี้

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงแผนการกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งปัจจุบันยังติดปัญหาการกู้เงินไม่ได้ เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยังไม่ได้รับรองเรื่องการใช้เงิน และรายละเอียดของบัญชีกองทุนฯ ทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการกู้เงินในส่วนที่เหลือได้ ดังนี้นจึงต้องหารือกับ สตง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจนก่อน เพื่อใหการกู้เงินสามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย  

อย่างไรก็ตามในการดำเนินการครั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงเพียงชนิดเดียว ซึ่งตามโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซลในปัจจุบัน ตัวอย่าง ณ วันที่ 20 ต.ค.2564 จะพบว่า ภายใต้ราคาน้ำมัน 29.29 บาทต่อลิตร จะมีต้นทุนภาษีสรรพสามิต 5.99 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีภาษีอื่น ๆ ด้วย ทั้งภาษีเทศบาล 0.599 บาทต่อลิตร และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 1.872 บาทต่อลิตร หากรวมกันแล้วจะมีการจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 8.461 บาทต่อลิตร 

ด้านภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินนั้น กระทรวงการคลังจะยังไม่พิจารณาปรับลดลงเหมือนกับภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แต่จะมีการออกมาตรการช่วยเหลือเป็นแบบเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ หรือจักรยานยนต์รับจ้าง โดยจะใช้กลไกช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น

เรื่องนี้นักวิชาการเห็นด้วยเต็มที่รัฐลดภาษีน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาท เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนภาคขนส่งได้ และลดความเสี่ยงเงินเฟ้อกดดันเศรษฐกิจฟื้นอีกด้วย

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านพลังงาน ให้ความเห็นว่า คงต้องรอดูว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะผลักดันออกมาในลักษณะใด โดยการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาท ส่วนตัวก็เห็นด้วย และสอดคล้องกับความเห็นเดิมที่เคยมองว่า หากจะปรับลดลงแรงถึงลิตรละ 5 บาท ก็คงส่งลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐมาก 

“แม้ว่าจะปรับลดอัตราภาษีลง แต่ถึงอย่างไรราคาน้ำมันก็ขึ้นอยู่กับตลาดโลกที่จะขึ้นสูงมากน้อยอย่างไร แต่ก็คงพอรองรับได้ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นไปถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาเรล หรือปรับขึ้นไปอีกประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาเรล คิดคร่าว ๆ ก็ขึ้นประมาณลิตรละ 2 บาท ดังนั้นถ้าเราลดภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 2-3 บาทก็พอจะรองรับส่วนเพิ่มอันนี้ได้” 

ทั้งนี้ในสิ่งที่ต้องจับตาดูต่อไป คือ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเป็นปัจจัยกระทบให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะผลกระทบจากความตรึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน และต้องติดตามสถนาการณ์การขยายกำลังการผลิตต่าง ๆ ขององค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก หรือโอเปก และในรัสเซีย จะดีขึ้นหรือไม่ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

การตัดสินใจปรับลดอัตราภาษีลงก็คงรองรับสถานการณ์ได้อีก 3-4 เดือน ส่วนกรณีของภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน ล่าสุดมีแนวโน้มว่า กระทรวงการคลังจะยังไม่พิจารณาปรับลดลงเหมือนกับภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แต่จะมีการออกมาตรการช่วยเหลือเป็นแบบเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ หรือจักรยานยนต์รับจ้าง โดยจะใช้กลไกช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นั้น นายพรายพล ยอมรับว่า จริง ๆ ถ้าช่วยเฉพาะจุดก็น่าจะได้

แต่อย่างไรก็ดีถ้ารัฐตัดสินใจจะลดภาษีเฉพาะน้ำมันดีเซล ไม่ได้ลดน้ำมันเบนซินเข้าไปด้วย ก็มีความเสี่ยงว่าจะสร้างความบิดเบือนได้ในระดับหนึ่ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต เช่น กรณีราคาน้ำมในดีเซลลดลงมามาก ๆ  คนก็หันไปใช้รถดีเซลเพิ่ม ปัญหาก็ยืดเยื้อไปอีก

ขณะที่แผนการกู้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ออกมาระบุว่า เตรียมที่จะกู้เงินอีก 2-3 หมื่นล้านบาทนั้น เพราะฐานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 6 ก.พ.2565 รวมติดลบ 16,052 ล้านบาท ก็คงต้องเร่งดำเนินการเพื่อพยุงฐานะของกองทุนต่อไป

Exit mobile version