สหรัฐฯ พบปัญหา ‘ไร้บ้าน’ สูงขึ้นคนมะกันยังขาดแคลน ‘ที่อยู่’ ที่มีราคาเอื้อมถึงแม้ตัวเลขของกระทรวงแรงงานจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น แต่ข้อเท็จจริงคือคนปฏิเสธกลับเข้าทำงานในหลายเหตุผลคือ มีทั้งสภาพตกงานเพราะตั้งใจและตกงานเพราะจำยอม ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อยังไม่อาจแก้ไขได้ แม้ธนาคารกลางสหรัฐจะเตรียมขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งก็ยังไม่อาจรับประกันว่าจะหยุดเงินเฟ้อได้ นอกจากนี้การไร้ที่อยู่ยังกระทบกับคนสูงอายุและคนอเมริกันผิวสีมากซ้ำเติมปัญหาการระบาดโควิดที่ยังไม่มีที่ท่าจะผ่อนคลาย
ในขณะที่สหรัฐเจอปัญหารุมเร้าภายในประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและความแตกแยกทางการเมืองในระดับนำและประชาชน บทบาทต่างประเทศของสหรัฐกลับกลายเป็นว่า เดินหน้ากระตุ้นความขัดแย้งทั้งฝั่งยุโรป เอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางอย่างไม่หยุดหย่อน
วันที่ 8 ก.พ. 2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์เอบีซี (ABC) อ้างอิงรายงานจากกระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสหรัฐฯ ระบุว่าปัญหาการไร้บ้านในสหรัฐฯ ได้พุ่งทะยานในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และราคาที่อยู่อาศัยที่สูงลิ่วกับค่าแรงที่ต่ำเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาดังกล่าว
แอนน์ โอลิเวีย จากศูนย์งบประมาณและนโยบาย (CBPP) อ้างอิงข้อมูลว่าประชาชนในที่พักพิงมากกว่าครึ่งหนึ่ง และผู้ไม่มีที่พักพิงร้อยละ 40 กำลังทำงานโดยเป็นคนไร้บ้าน แต่ยังคงไม่สามารถหาซื้อบ้านได้
รายงานข่าวยังอ้างอิงเอมานูเอล คลีเวอร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าปัญหาการไร้บ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนมีการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่วนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 และรายงานวิกฤตจากหน่วยงานดูแลคนไร้บ้านด่านหน้าก็เพิ่มความน่าวิตกกังวลยิ่งขึ้น
แต่กระทรวงฯ ระบุในรายงานประจำปีต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า “การไร้บ้านโดยมีที่พักพิง” ลดลงร้อยละ 8 ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หรือนี่เป็นภาพรวมที่ผู้นำประเทศต่างพากันนิ่งนอนใจกลับให้ความสำคัญกับปัญหาต่างประเทศ ออกกฎหมายแซงก์ชั่นประเทศเป้าหมายศัตรูอย่างโจ่งแจ้ง แต่มีความคืบหน้าในการดูแลประชาชนน้อยมาก แม้แต่กฎหมาย Bill Back Better ของปธน.ไบเดนมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐก็ยังไม่ผ่านสภา คนอเมริกันยังต้องต่างคนต่างดิ้นรนเผชิญปัญหารุมเร้าทุกด้านด้วยตัวเองต่อไป
ตอกย้ำปัญหาจากเมื่อเร็วๆนี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard) ได้เผยแพร่รายงานว่าด้วยความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นหมู่ผู้สูงอายุชาวสหรัฐฯ ในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ไม่เห็นมีผู้แทนสหรัฐพรรคใดสนใจนำเสนอเป็นวาระสำคัญเลยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
การศึกษาดังกล่าวซึ่งจัดทำโดยศูนย์การศึกษาด้านเคหสถาน (Joint Center for Housing Studies) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เปิดเผยว่าความแตกต่างด้านรายได้ของประชาชนวัย 65 ปี ขึ้นไป ช่วงปี 2012-2017 “กำลังถ่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ และช่องว่างของการได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของคนผิวขาว-ชนกลุ่มน้อยก็กว้างขึ้นเช่นกัน”
เมื่อเทียบกับประชาชนกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี อัตราการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของประชาชนกลุ่มอายุ 50-64 ปี กำลังลดต่ำลง สวนทางกับอัตราหนี้สินครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นมาก
ระหว่างปี 2012-2017 ประชาชนวัย 65 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้ครัวเรือนสูงสุด จำนวนร้อยละ 10 มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 22 สวนทางกับประชาชนฐานล่างวัยเดียวกันที่มีรายได้ต่ำสุดจำนวนร้อยละ 10 ที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำลงกว่าเดิมอีกร้อยละ 4
นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยของประชาชนวัย 50-64 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงสุด ทำสถิติเกือบ 204,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.19 ล้านบาท) ในปี 2017 ขณะที่รายได้เฉลี่ยของประชาชนวัยเดียวกันที่มีรายได้ต่ำสุดอยู่ที่ 14,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.36 แสนบาท) เท่านั้นซึ่งช่องว่างระหว่างคนแก่รวยกับคนแก่จนถ่างจากกันเกิน 100%
นอกจากนี้ รายงานยังชี้ถึงความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อปี 2018 ช่องว่างของความเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในกลุ่มคนดำและคนขาว วัย 65 ปีขึ้นไป อยู่ที่ร้อยละ 19.4 แตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ในขณะที่ช่องว่างดังกล่าว ในกลุ่มประชากรเชื้อสายละตินกับกลุ่มคนขาว อยู่ที่ร้อยละ 18.4
ล่าสุดสำนักข่าวเดอะการ์เดี้ยน ได้เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์พิเศษโดย Guardian ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันว่า จำนวนคนอเมริกันที่เสียชีวิตในขณะที่มีคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยการตรวจสอบในเขตเมือง 20 แห่งในสหรัฐฯ พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในหมู่คนที่อาศัยอยู่โดยไม่มีที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 77% ในช่วง 5 ปีที่สิ้นสุดในปี 2020/2563
การเพิ่มขึ้นจากปี 2016/2559 ถึงปี 2020/2563 เกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงจำนวนผู้คนที่อาศัยอยู่ตามท้องถนนที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอันตรายที่พวกเขาเผชิญ เช่น ความรุนแรง โรคที่ไม่ได้รับการรักษา และ การจัดหายารักษาที่ผิดกฎหมาย ยาเสพติดที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้เชี่ยวชาญจาก National Health Care for the Homeless Council ที่ไม่แสวงหาผลกำไรกล่าวว่าในหลาย ๆ แห่ง ผู้คนที่พินาศโดยไม่มีที่อยู่อาศัยไม่เคยนับ พวกเขาประเมินว่าจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ระหว่าง 17,000 ถึง 40,000 ทุกปี