“ปิยบุตร” ไขความลับ เป็นผู้ชวน “ถวิล” เข้าร่วมก๊วนส้ม!

1546

เบื้องหลังแบบนี้เอง!? “ปิยบุตร” ไขความลับ เป็นผู้ชวน “ถวิล” เข้าร่วม “คณะก้าวหน้า” และสมัครสมาชิก “พรรคก้าวไกล” ตลอดชีพ!?

สืบเนื่องจากกรณีที่ทางด้านของ นายถวิล ไพรสณฑ์ อดีตประธานคณะกรรมการกฎหมายของพรรคลาออกจากสมาชิกพรรค ปชป. ได้ย้ายไปอยู่กับ พรรคก้าวไกล โดยที่ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลใดๆ ทำให้หลายๆคนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ล่าสุดทางด้านของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แกนนำกลุ่ม Re-solution โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ ข้อความว่า เมื่อครั้งก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผมเดินสายคุยกับนักวิชาการเรื่องกระจายอำนาจหลายคน เพื่อนำมาออกแบบนโยบาย ท่านหนึ่งบอกผมว่า หาพรรคและนักการเมืองที่จริงจังและสนใจเรื่องกระจายอำนาจได้น้อย ต้องยกชื่อเป็นคนๆ เขายกมา 3 ชื่อ ได้แก่ จาตุรนต์ ฉายแสง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถวิล ไพรสณฑ์ คณะก้าวหน้ากำลังเตรียมการรณรงค์เข้าชื่อแก้ รธน หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น จัดการแก้ปัญหาเรื่องกระจายอำนาจ ผมรับหน้าที่ยกร่าง จึงเดินสายคุยกับผู้รู้ ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการ

นายปิยบุตร กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มีโอกาสพบคุณถวิล ผมได้เสนอความคิดเรื่องนี้ หลายเรื่องเห็นตรงกัน คุณถวิลบอกผมว่า สนใจและได้ยกร่างกฎหมายไว้หลายฉบับ นัดหมายว่า จะนำมาแลกเปลี่ยนกัน วันนี้ ผมพบคุณถวิลอีกครั้ง แกร่าง รธน แก้หมวด 14 มาให้ด้วย ผมอ่านแล้ว ไปในทางเดียวกับที่ผมร่างไว้ จึงชวนแกว่า หากเริ่มแคมเปญรณรงค์ ผมต้องการพลังของคนที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้จำนวนมากจากทุกฝ่าย จึงขอชวนคุณถวิลมาร่วมรณรงค์ ให้ความรู้ เดินสายทั่งประเทศด้วยกัน และคณะก้าวหน้าเตรียมทำ academy ปั้นนักการเมืองท้องถิ่น จัดหลักสูตรอบรม ต้องมีผู้บรรยายจากหลายวงการ ผมก็ชวนแกอีก แกตอบรับยินดีร่วมทั้งสองงาน

นายปิยบุตร กล่าวว่า ผมได้ยินชื่อถวิล ไพรสณฑ์ ตั้งแต่เป็นเด็ก สมัยนั้น เลือกเป็นพวงสามคน คุณถวิลนำทีมพร้อมด้วยคุณเธียร มโนหรทัต สมพัฒน์ กัลยาวินัย ลงเขตจอมทอง บางขุนเทียน ในนามพรรคพลังธรรม มาเจอกันปัจจุบัน แกยังดูสุขภาพแข็งแรงเดินเหิน สมองแล่น ไม่น่าเชื่อว่าอายุ 84 ปีแล้ว ถ้าย้อนกลับไปดูทฤษฎีการเมืองชี้นำในการจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผมให้สัมภาษณ์หลายครั้ง (อยู่ในหนังสือ “การเมืองแห่งความหวัง” ขอแอบขายนิดนึง)

จะทราบว่าเราต้องการเปลี่ยนคู่ขัดแย้งระหว่างประชาชนที่สนับสนุนสีเสื้อ พรรค ต่างกัน มาเป็นเป็นคู่ขัดแย้งระหว่าง “ประชาชน” กับ “ชนชั้นนำ” คนที่เชียร์ต่างพรรค มีประเด็นที่ต้องการร่วมกันมากมาย เช่น ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปศาล สวัสดิการ ลดความเหลื่อมล้ำ ทลายทุนผูกขาด การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น แต่พอคิดเรื่องเชียร์คนละพรรค ก็ไม่อาจแสวงหาฉันทามติได้ เกิดเป็นความขัดแย้งในหมู่ประชาชนจนชนชั้นนำฉวยโกยผลประโยชน์ไปหมด

นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องการหลอมรวม “ประชาชน”ขึ้นใหม่เพื่อไปสู้กับ “ชนชั้นนำ” และทวงเอาประโยชน์ ทรัพยากร อำนาจ กลับมาไว้ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่เจ้าของประเทศ ดังนั้น เราจึงเปิดรับทุกฝ่ายที่มีแนวคิดอุดมการณ์เดียวกันในภาพใหญ่ และมีเงื่อนไขขั้นต่ำต้องยึดมั่นคุณค่าพื้นฐานของพรรค แน่นอน มีข้อผิดพลาด มี “งูเห่า” มีคนที่ละทิ้งเราไปอยู่ที่อื่น

แต่ภาพใหญ่ ผมคิดว่าพรรคอนาคตใหม่ปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนความคิดจิตใจคนได้อย่างมีนัยสำคัญ ดึงคนจากหลากหลายฝ่ายเข้ามาร่วมต่อสู้ในประเด็นใหญ่เชิงโครงสร้างด้วยกัน และแสวงหาคะแนนเสียงเพิ่มออกไปจาก “วง” เดิม การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขนานใหญ่จำต้องอาศัยคนที่เห็นด้วยกันจำนวนมาก การรณรงค์ทางการเมือง คือ การเปลี่ยนความคิดจิตใจคนให้คนมาร่วมกับเราเพิ่มขึ้น

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า เรื่องกระจายอำนาจ คือ การปฏิรูปโครงสร้างรัฐและระบบราชการขนานใหญ่ เรื่องใหญ่แบบนี้ต้องอาศัยคนจำนวนมากเพื่อสร้างฉันทามติ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณถวิล ตอบรับมาร่วมรณรงค์การกระจายอำนาจกับคณะก้าวหน้า นอกจากนี้ ยังสมัครเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลตลอดชีพ โดยไม่ขอลง สส แต่ขอทำงานเรื่องการกระจายอำนาจให้กับพรรคเพื่อผลักดันเป็นนโยบายต่อไป

ภารกิจขององค์กรทางการเมืองที่พวกเราเริ่มก่อตั้งขึ้นจากอนาคตใหม่มาก้าวหน้า/ก้าวไกล ยังคงต้องเดินหน้าหลอมรวมประชาชนขึ้นสู้กับกลุ่มคนไม่กี่คนที่กอบโกยประโยชน์และอำนาจ เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างอันอยุติธรรมเสียใหม่ การหลอมรวมคนหลายฝ่ายในนามประชาชนคนส่วนใหญ่เพื่อสู้กับคน 1% ย่อมดีกว่า การเลี้ยงไข้รักษาความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่สนับสนุนต่างพรรคไว้ แต่ปล่อยให้ชนชั้นนำนักการเมืองได้เข้าไปแบ่งสันปันส่วนประโยชน์กับพวก 1%