สหรัฐอนุมัติขายอาวุธพร้อมบริการให้ไต้หวันล็อตสองอีก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 3,300 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งการขายอาวุธครั้งแรกภายใต้รัฐบาลปธน.โจ ไบเดนดำเนินการเมื่อปี 2564 มูลค่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐประมาณ 25,000 ล้านบาท ด้านจีนประณามพฤติกรรมของสหรัฐ จอมยั่วยุสงคราม ละเมิดอธิปไตยของจีนอย่างโจ่งแจ้ง พร้อมให้คำมั่นจะใช้มาตรการรับมืออย่างสาสม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การขายอาวุธเป็นการดูดเงินจากไต้หวันอีกครั้ง นอกจากสร้างอันตรายเพิ่มมาสู่กลุ่มผู้ต้องการแบ่งแยกดินแดนชู”เอกราชของไต้หวัน” แต่กลับผลักดันให้เกาะแห่งนี้ไปสู่หายนะเร็วกว่าที่ควร
วันที่ 9 ก.พ.2564 สำนักข่าวเอเอฟพีและโกลบัลไทมส์ รายงานว่า สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงด้านกลาโหมของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ที่7 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ อนุมัติการจำหน่ายยุทโธปกรณ์และบริการตามที่ไต้หวันร้องขอ และทางสำนักงานได้แจ้งให้รัฐสภาอเมริกันรับทราบแล้ว
คำแถลงระบุว่า “การยกระดับระบบแพทริออต ซึ่งเป็นขีปนาวุธชนิดยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ จะช่วยเพิ่มความมั่นคงให้แก่ไต้หวัน การจำหน่ายยุทโธปกรณ์และบริการครั้งนี้ยังเอื้อต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ทั้งในแง่เศรษฐกิจและความมั่นคง โดยการสนับสนุนให้ผู้รับ สามารถยกระดับกองกำลังให้มีความทันสมัย และคงไว้ซึ่งศักยภาพในการสู้รบที่เชื่อถือได้”
สำหรับบริษัทสหรัฐฯ ที่เป็นคู่สัญญาหลักในโครงการนี้คือเรย์ธีออน เทคโนโลยีส์ และล็อกฮีด มาร์ติน(Raytheon Technologies, Lockheed Martin)
จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบโต้ทันทีในงานแถลงข่าวประจำวันอังคารที่ผ่านมาว่า “การขายอาวุธของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวัน ถือเป็นการฝ่าฝืนหลักการจีนเดียวและข้อบังคับของแถลงการณ์ร่วมทั้งสามฉบับระหว่างจีนและสหรัฐฯอย่างร้ายแรง เป็นการจงใจทำร้ายอำนาจอธิปไตยและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของจีนและ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตลอดจนสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นและขอประณามเรื่องนี้อย่างรุนแรง”
จ้าวย้ำว่า “จีนขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ ปฏิบัติตามหลักการและข้อบังคับจีนเดียวของแถลงการณ์ร่วมทั้งสามฉบับ ยกเลิกแผนการขายอาวุธทันที และตัดสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน ทั้งนี้จีนจะใช้มาตรการที่เหมาะสมและทรงพลังเพื่อปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของเราอย่างเด็ดเดี่ยว“
หม่า เสี่ยวกวง (Ma Xiaoguang)โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของสภาแห่งรัฐ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของไช่ อิงเหวินกำลังแสวงหา “เอกราช” และยุยงประชาชนด้วยการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ ใช้เงินที่หามาได้ยากในไต้หวันเพื่อซื้ออาวุธของสหรัฐ แต่สิ่งนี้ไม่สามารถกอบกู้ชะตากรรมของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนของไต้หวันได้ จะมีแต่เพิ่มความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและผลักดันไต้หวันให้เข้าสู่หายนะ
นี่เป็นการขายอาวุธครั้งแรกของสหรัฐฯ ให้กับไต้หวันในปี 2565 และครั้งที่สองภายใต้การบริหารของไบเดน หลังจากการขายปืนครกแบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง M109A6 มูลค่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 25,000 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์และบริการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกาศในเดือนสิงหาคม 2564
เจิ้ง เจี้ยน ผู้อำนวยการแห่งชาติไต้หวัน สมาคมวิจัยและศาสตราจารย์ประจำสถาบันบัณฑิตศึกษาไต้หวันของมหาวิทยาลัยเซียะเหมิน กล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังพยายามทำให้จีนไม่พอใจในขณะที่เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน แถลงในวันอังคารที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ขอบคุณอเมริกา โดยระบุว่า ท่ามกลางการแผ่ขยายอิทธิพลทางการทหารของจีน ไทเปจะสามารถปกป้องความมั่นคงของชาติด้วยระบบป้องกันที่เข้มแข็ง และสานต่อการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงอย่างใกล้ชิดกับอเมริกา
คำแถลงสำทับว่า ข้อตกลงฉบับนี้ซึ่งเป็นข้อตกลงขายอาวุธให้ไต้หวันฉบับที่ 2 นับจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว และเป็นฉบับแรกของปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างไต้หวันกับอเมริกา
ซ่ง จงผิง(Song Zhongping) ผู้เชี่ยวชาญทางทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ขาประจำที่ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างจีน-สหรัฐกรณีไต้หวัน กล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังใช้ขีปนาวุธแพทริออตเพื่อสูบเงินจากไต้หวัน เนื่องจากขีปนาวุธดังกล่าวจะต้องมีการอัพเกรดและบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องในราคาแพง
ซ่ง กล่าวว่า “สหรัฐฯ ต้องการหารายได้เพิ่มและส่งเสริมความทะเยอทะยานของผู้แบ่งแยกดินแดนไต้หวันไปในเวลาเดียวกัน แต่ไม่สนใจว่าอาวุธเหล่านี้ในที่สุดจะเป็นประโยชน์ต่อจีนแผ่นดินใหญ่หรือไม่ เมื่อจีนชนะศึก”