แม่สอดสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่ง หลัง 2 คนขับรถเข้าไทยติดโควิด มท.กำชับ 10 ผู้ว่าฯ ตรวจเข้มชายแดนติดพม่า

1378

จากกรณีที่นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวี ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวกรณีความคืบหน้าการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 บริเวณชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก

โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก (สสจ.) ว่า จากการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในพื้นที่ อ.แม่สอด โดยการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ใน 5 อำเภอชายแดน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาล (รพ.) แม่สอด ให้คนขับรถทุกคนลงจากรถเพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจ รพ.แม่สอด รวมจำนวน 115 ราย ผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 8-9 ตุลาคม ตรวจพบสารพันธุกรรม จำนวน 2 ราย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สธ.แถลงเปิดไทม์ไลน์ หลังตรวจพบ 2 ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชายแดนแม่สอด

ล่าสุดในฝั่งของโรงเรียนแม่สอด ออกประกาศแจ้งปิดโรงเรียนด้วยเหตุพิเศษ โดยระบุว่า “เนื่องด้วยโรงเรียนแม่สอด มีพื้นที่อยู่ในเขตกลุ่มเสี่ยงในการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และมีนักเรียนอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีภาวะเสี่ยงในการติดเชื้อระบาดของโรคดังกล่าว

ทางโรงเรียนแม่สอดจึงขอทำการปิดเรียน 1 วัน ในวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2563 และเนื่องด้วยวันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2563 ตรงกับวันคล้ายวันวรรรคตของรัชกาลที่ 9 จึงหยุดเรียนอีก 1 วัน โรงเรียนจะเปิดเรียนในวันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป และทางโรงเรียนจะดำเนินการจัดการเรียนการสอนชดเชยต่อไป”

ต่อมาดร.เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด พร้อมด้วยผู้บริหารเทศบาล ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครแม่สอด ทีมเฉพาะกิจเทศบาล เพื่อเร่งดำเนินมาตรการแก้ปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยในที่ประชุมมีมติร่วมกัน ดังนี้


1. ประกาศหยุดเรียนเป็นกรณีพิเศษของสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครแม่สอด ในวันที่ 12 ตุลาคม 2563 และเปิดเรียนตามปกติในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 (เนื่องจากวันที่ 13 ตุลาคม 2563 เป็นวันหยุดเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมราถบพิตร)

2. เทศบาลสนับสนุนอาหารและเครื่องดื่มวันละ 100 ชุด ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจคัดกรองบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 (เริ่มตั้งแต่ 11 ต.ค.63)

3. ใช้รถเคลื่อนที่ประชาสัมพันธ์และแจ้งประธานชุมชนประกาศเสียงตามสายอย่างต่อเนื่องแจ้งประชาชนในเขตเทศบาล 20 ชุมชน การ์ดอย่าตก สวมหน้ากากอนามัย ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน หมั่นล้างมือด้วยเจลหรือแอลกอฮอล์ หากพบเห็นรถทะเบียนพม่า แจ้งนายอำเภอแม่สอด ฝ่ายปกครองผลักดันออกนอกพื้นที่

4. ดูแลเบี้ยเลี้ยงให้ อสม.ที่ปฏิบัติหน้าที่คัดกรองบริเวณตลาด และจุดเสี่ยงในเขตเทศบาล

5. มอบหมายให้ทีมเฉพาะกิจลงพื้นที่ควบคุมเฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยงและห้างร้านกำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

6. มอบหมายให้ นายเฉลิมเกียรติ ปัญญาสว่าง และนายกณวรรธน์ เพ็ชรก้อน พร้อมทีมแพทย์ พยาบาล คลินิคชุมชนอบอุ่นเทศบาลบูรณาการงานร่วมกับ รพ.แม่สอด อำเภอแม่สอด และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามประเมินสถานการณ์ และร่วมลงพื้นที่จุดเสี่ยงในเขตเทศบาลตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโรคโควิค-19


ขณะที่ทางด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่ได้แจ้งให้ทุกจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายแดนด้านเมียนมา เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย

รวมทั้งให้บูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ ติดตามค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบกลับเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย

เนื่องจากปรากฏข่าวสารทางสื่อมวลชนว่ามีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นพนักงานขับรถชาวเมียนมา ซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านด่านชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และมีผู้ที่สัมผัสผู้ติดเชื้ออยู่ระหว่างการกักตัว อาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย

เพื่อเป็นการป้องกัน เฝ้าระวัง และสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนด้านเมียนมา ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนด้านเมียนมา 10 จังหวัด คือ กาญจนบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน ระนอง และราชบุรี ให้กำชับและเน้นย้ำนายอำเภอ

รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ผ่านจุดผ่านแดนในพื้นที่รับผิดชอบโดยเคร่งครัด พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวด เฝ้าระวัง ป้องกันมิให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน หากพบกรณีดังกล่าวให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรการป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด